ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS) ที่ระดับ ?A? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลัก (Core Subsidiary) ของ บริษัท เคเคพี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (KKP Capital) ซึ่งเป็นบริษัทลูกหลักของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) ทั้งนี้ อันดับเครดิตของ KKPS อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตของ KKP (?A/Stable?) ซึ่งได้รับการจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
เป็นบริษัทลูกหลักของธนาคารเกียรตินาคินภัทร
ทริสเรทติ้งพิจารณาว่า KKPS เป็นบริษัทลูกหลักของกลุ่มเกียรตินาคินภัทรโดยพิจารณาจากบทบาทสำคัญในฐานะหน่วยธุรกิจด้านตลาดทุนของกลุ่มเกียรตินาคินภัทร KKPS เป็นบริษัทย่อยของ KKP Capital ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทหลักภายใต้ KKP กำไรของ KKPS คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ 20% ของกำไรของ KKP ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ทริสเรทติ้งมองว่า KKPS มีการบูรณาการรวมกับ KKP ในระดับสูง กรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงได้รับการแต่งตั้งจาก KKP กลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงของ KKPS นั้นสอดคล้องกับกลยุทธ์ของกลุ่ม การบูรณาการรวมกันอย่างแข็งแกร่งยังแสดงให้เห็นชัดเจนในการใช้ชื่อทางการค้าเดียวกัน การแนะนำลูกค้า และการทำงานร่วมกัน KKPS ยังต่อยอดธุรกิจจากทรัพยากรของธนาคารเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ครอบคลุมแก่ลูกค้า ทริสเรทติ้งเชื่อว่า KKP จะยังคงให้การสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่งแก่ KKPS เนื่องจากเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ทางธุรกิจระยะยาวของกลุ่ม
มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง
ทริสเรทติ้งคาดว่า KKPS จะรักษาความแข็งแกร่งในธุรกิจตลาดทุนไว้ได้ โดยได้รับการสนับสนุนหลักจากสถานะที่แข็งแกร่งมาอย่างยาวนานในธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจวาณิชธนกิจ (Investment Banking) บริษัทอยู่ในอันดับที่ 5 เมื่อพิจารณาจากส่วนแบ่งรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ส่วนแบ่งตลาดรายได้ของ KKPS อยู่ที่ 6.3% ในครึ่งแรกของปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 5.2% ในปี 2564
สำหรับธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง KKPS เป็นผู้ให้บริการการบริหารจัดการความมั่งคั่งชั้นนำในประเทศไทยโดยมีสินทรัพย์ภายใต้การแนะนำ (Asset under advisory ? AUA) อยู่ที่ 7.42 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 สินทรัพย์ภายใต้การแนะนำของบริษัทขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 10.7% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยจุดแข็งของ KKPS มาจากบริการทางการเงินที่ครบวงจร ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น KKPS เป็นผู้บุกเบิกผลิตภัณฑ์การลงทุนในต่างประเทศของลูกค้าที่มีความมั่งคั่งสูง ซึ่งรวมถึงการลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ และหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง
นอกจากนี้ KKPS ยังมีผลงานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จในธุรกิจวาณิชธนกิจ โดยบริษัทมักเป็นผู้นำในการทำธุรกรรมการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไป (Initial Public Offering) รายใหญ่หลายรายการในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากทีมงานมืออาชีพที่มีทักษะและประสบการณ์สูง บริการที่หลากหลาย และเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่าง KKP และ KKPS รวมถึงการแนะนำลูกค้าและการจัดหาเงินทุนแบบเชื่อมโยงช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจวาณิชธนกิจ และเพิ่มความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้า รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจนั้นอยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 505 ล้านบาทต่อปี หรือ 37% ของรายได้ค่าธรรมเนียมทั้งหมดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
แหล่งรายได้ที่หลากหลาย
KKPS มีสัดส่วนรายได้ที่หลากหลายจากหลายธุรกิจ ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจตราสารอนุพันธ์ รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์คิดเป็นประมาณ 40% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2563-2565 รายได้ส่วนที่เหลือมาจากรายได้ที่ไม่ใช่นายหน้าซื้อขายซึ่งได้แก่ รายได้จากค่าธรรมเนียม กำไรจากเงินลงทุน และอื่น ๆ รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจวาณิชธนกิจและธุรกิจนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนคิดเป็น 21% นอกจากนี้ ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทยังมีความหลากหลายโดยแบ่งแยกตามกลุ่มลูกค้า ซึ่งช่วยให้รายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์มีเสถียรภาพ จากรายได้ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดในปี 2565 แบ่งเป็น 38% จากนักลงทุนต่างชาติ 26% จากนักลงทุนรายย่อย และ 36% จากสถาบันในประเทศ
นโยบายการบริหารความเสี่ยงมีรัดกุมขึ้น
นโยบายความเสี่ยงของ KKPS สอดคล้องกับนโยบายความเสี่ยงของ KKP โดยทั้งสองอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) KKPS มีความเสี่ยงด้านเครดิตที่จำกัดเนื่องจากบริษัทไม่ได้ให้บริการสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การเปิดรับความเสี่ยงด้านตลาดก็อยู่ในระดับจำกัดในเฉพาะกิจกรรมการซื้อขายที่มีความเสี่ยงต่ำซึ่งส่วนใหญ่ตอบสนองวัตถุประสงค์ของการซื้อขายหลักทรัพย์แบบหากำไรจากความต่างกันของราคาหรือ Arbitrage และการป้องกันความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเสนอขายให้กับลูกค้า
ในปี 2565 KKPS ได้ปรับปรุงนโยบายการบริหารความเสี่ยงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายและการส่งมอบหลักทรัพย์ โดยเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองลูกค้าและเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ค้ำประกัน สำหรับการคัดกรองลูกค้า KKPS ได้ปรับปรุงนโยบายการอนุมัติสินเชื่อโดยเพิ่มการพิจารณาในเชิงปริมาณและการวิเคราะห์เชิงคุณภาพที่เข้มงวดมากขึ้น สำหรับหลักทรัพย์ค้ำประกัน หุ้นที่มีการเคลื่อนไหวของราคาไม่ปกติจะไม่ถูกนับเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และจะถูกเพิ่มเข้าในบัญชีวางเงินล่วงหน้า (Cash Balance) เพิ่มเติมจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนด
ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนจาก KKP อย่างต่อเนื่อง
สถานะเงินทุนและสภาพคล่องที่อยู่ที่ระดับเพียงพอของบริษัทได้รับการสนับสนุนทางการเงินอย่างต่อเนื่องจาก KKP ในรูปแบบของวงเงินสินเชื่อและเงินกู้ด้อยสิทธิ อีกทั้งนอกเหนือจากวงเงินสินเชื่อจาก KKP แล้ว บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ อีกด้วย โดย ณ สิ้นเดือนมกราคม 2566 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อทั้งสิ้นจำนวน 4.6 พันล้านบาท วงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ทั้งหมดน่าจะเพียงพอสำหรับใช้เป็นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทและรองรับภาวะการขาดสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้น
บริษัทหลักทรัพย์ต้องเผชิญกับปัจจัยความเสี่ยงที่หลากหลาย
การชะลอตัวของมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันในปี 2565 ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหลายซึ่งทำให้กำไร ของบริษัทหลักทรัพย์ลดลง 67% ในปี 2565 จากภาวะตลาดที่ย่ำแย่ ซึ่งส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนสูงและมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันชะลอตัวลง เหลือ 7.7 หมื่นล้านบาทเมื่อเทียบกับ 9.4 หมื่นล้านบาทในปี 2564 ทั้งนี้ ในปี 2566 ความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งทั่วไปอาจส่งผล กระทบในด้านลบต่อบริษัทหลักทรัพย์อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อก็อาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อสภาวะและปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั่วโลกต่อไปได้ อีกด้วย
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งอยู่บนความคาดหมายที่บริษัทจะยังคงดำรงสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของ KKP ต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของ KKP และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากธนาคารแม่อย่างต่อเนื่องต่อไป
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับ KKP และเป็นไปในทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของ KKP เช่นกัน หากทริสเรทติ้งเห็นว่าสถานะที่บริษัทมีต่อกลุ่มนั้นอ่อนแอลงก็อาจส่งผลต่อการปรับลดอันดับเครดิตของบริษัทได้
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKPS)
อันดับเครดิตองค์กร: A
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable