ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 18, 2023 13:22 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? การที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่มีการดำเนินกิจการของกลุ่ม (Non-operating Financial Holding Company ? NOHC) ทำให้อันดับเครดิตของบริษัทต่ำกว่าอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ (Group Credit Profile ? GCP) ของกลุ่มทิสโก้ซึ่งอยู่ที่ ?a? อยู่ 1 ขั้น สะท้อนการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้างของสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทต่อสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทย่อย

อันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจของกลุ่มทิสโก้ อ้างอิงจากอันดับเครดิตรวมของธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCOB, ได้รับอันดับเครดิต ?A/Stable?) ตลอดจนบริษัทย่อยที่ดำเนินกิจการอื่น ๆ อันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่สะท้อนถึงสถานะด้านเครดิตของ TISCOB เนื่องจากสินทรัพย์ของTISCOB คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของสินทรัพย์รวมของกลุ่ม

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

มีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านธุรกิจการเงินที่ไม่มีการดำเนินกิจการ (Non-operating Financial Holding Company -- NOHC)

อันดับเครดิตของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปที่ต่ำกว่าอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ (Group Credit Profile ? GCP) ของกลุ่มทิสโก้อยู่ 1 ขั้นสะท้อนการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้างของสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทต่อสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ของบริษัทย่อย TISCO ดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ผ่านทาง TISCOB ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมด บริษัทย่อยที่ดำเนินกิจการอื่น ๆ ภายใต้กลุ่มบริษัทยังประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทิสโก้ จำกัด (TISCOAM) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO Sec) เนื่องจากบริษัทมีฐานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ไม่มีการดำเนินกิจการของกลุ่ม บริษัทจึงต้องพึ่งพารายได้เงินปันผลจาก TISCOB เพื่อนำมาใช้ชำระหนี้ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงจากการแทรกแซงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปันผลจาก TISCOB มายังบริษัทในภาวะวิกฤตได้

มีความแข็งแกร่งในธุรกิจการให้บริการสินเชื่อรถยนต์แต่ยังมีขนาดเล็ก

TISCOB ซึ่งเป็นบริษัทยย่อยที่ดำเนินธุรกิจธนาคารของ TISCO เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย สินเชื่อรถยนต์คงค้างของ TISCOB ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์อยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการสินเชื่อรถยนต์ แต่ธนาคารได้ปรับลดการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ตั้งแต่การเริ่มระบาดของโรคโควิด 19 ในปี 2563 เป็นผลมาจากกลยุทธ์การเติบโตอย่างระมัดระวังซึ่งเน้นการปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพดีและผลตอบแทนที่ปรับความเสี่ยงสูง ธนาคารกลับมาเริ่มปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างต่อเนื่องมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ทริสเรทติ้งคาดว่า TISCO จะรักษาตำแหน่งทางการตลาดไว้ได้จากกลยุทธ์การเติบโตในระดับปานกลางที่เริ่มขึ้นในปี 2566

เป็นผู้ให้บริการทางการเงินที่ครบวงจร

TISCO เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินภายใต้แบรนด์ ?TISCO Wealth? ในมุมมองของทริสเรทติ้ง ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทเป็นผลมาจากมีผู้ดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้าที่มีประสบการณ์สูงและมีทีมวิจัยที่แข็งแกร่ง บริษัทมุ่งเน้นการให้บริการวางแผนการเกษียณอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการสร้างความมั่งคั่งและการปกป้องความมั่งคั่งผ่านแพลตฟอร์มแบบ Open Architecture นอกจากนี้ TISCO ยังเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการโดยร่วมมือกับบริษัทประกันภัยชั้นนำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันที่เกี่ยวกับการเกษียณ ทริสเรทติ้งคาดว่าธุรกิจบริหารความมั่งคั่งและธุรกิจประกันผ่านช่องทางธนาคารจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจค่าธรรมเนียมของ TISCO ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

สถานะเงินกองทุนอยู่ในระดับแข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งมองว่าสถานะเงินกองทุนของ TISCO เป็นจุดแข็งที่สำคัญด้านเครดิต โดยได้รับการสนับสนุนจากอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของที่แข็งแกร่งที่ระดับ 17.2% ณ สิ้นปี 2565 ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ระดับ 15.3% สถานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่งของ TISCO เป็นผลมาจากการหดตัวของพอร์ตสินเชื่อในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ที่สำคัญกว่านั้น ยังเป็นผลมาจากการสะสมเงินกองทุน ซึ่งเป็นผลมาจากการทำกำไรที่สูงสุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบในประเทศไทย

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของของ TISCO จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ช่วง 16%-17% ในปี 2566-2568 เนื่องจากกลยุทธ์ในการทำให้สินเชื่อกลับมาเติบโต และคาดว่า TISCO จะผลักดันให้สินเชื่อเติบโตในระดับปานกลางที่ 5% ต่อปี และรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ระดับสูง ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งเชื่อว่าการจัดการเงินกองทุนอย่างรอบคอบของ TISCO และความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งจะช่วยให้ TISCO สามารถรักษาระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและรองรับความไม่แน่นอนได้ในอีก 3 ปีข้างหน้า

ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรในระดับแข็งแกร่ง

ทริสเรทติ้งคาดว่า TISCO จะยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดี โดยวัดจากอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยในช่วง 3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของ TISCO จะอยู่ที่ 2.4% ในปี 2566-2568 โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยของ TISCO อยู่ที่ 2.84% ในปี 2565 สูงที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทย ทั้งนี้ เป็นผลมาจากอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิที่ปรับด้วยความเสี่ยงของบริษัทที่ดีและโครงสร้างต้นทุนการดำเนินงานที่ยืดหยุ่น อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิที่ปรับความเสี่ยงของ TISCO อยู่ที่ 4.7% ในปี 2565 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 1.9% นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์ที่มีการจัดการค่อนข้างดีของ TISCO และนโยบายการตั้งสำรองที่ระมัดระวังได้ช่วยลดความเสี่ยงในการตั้งสำรอง ส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา

ในกรณีฐาน ทริสเรทติ้งคาดว่า อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิที่ของ TISCO จะลดลงเล็กน้อยจาก 5% ในปี 2565 สาเหตุหลักมาจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นและค่าธรรมเนียมกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (Financial Institutions Development Fund ? FIDF) ซึ่งจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับปกติหลังจากที่ปรับลดลง 50 % ในปี 2563-2565 นอกจากนี้ทริสเรทติ้งยังประเมินต้นทุนทางเครดิตของ TISCO อยู่ที่ 0.5% ของสินเชื่อถัวเฉลี่ย มากกว่าระดับปี 2565 แต่ยังต่ำกว่าระดับปกติที่ 0.7%-0.8%

นโยบายการบริหารความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง

คุณภาพสินทรัพย์ของ TISCO ยังคงแข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยเห็นได้จากอัตราการเกิดขึ้นใหม่ของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non-performing Loans) ที่อยู่ในระดับต่ำที่ 0.1% ในปี 2565 ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาธนาคารพาณิชย์ไทยที่มีค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่ที่ประมาณ 1% สำหรับสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (Stage 2) TISCO มีอัตราส่วนสินเชื่อที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อสินเชื่อรวมสูงกว่าคู่แข่ง แต่มีแนวโน้มลดลง โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้กู้ที่ประสบปัญหาทางการเงิน ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมลดลงมาอยู่ที่ 2.1% ณ สิ้นปี 2565 จากระดับ 2.4% ณ สิ้นปี 2564 ถึงแม้ว่าจะยังคงมีความเสี่ยงจากคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนแอลงเนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอและอัตราเงินเฟ้อที่สูง แต่ทริสเรทติ้งก็คาดว่า TISCO จะยังคงบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ได้ โดยคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพจะทรงตัวที่ระดับประมาณ 2.0% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า TISCO ยังมีเงินสำรองที่แข็งแกร่งเพื่อรองรับความไม่แน่นอนด้วยอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่สูงถึงประมาณ 260% ณ สิ้นปี 2565 ซึ่งสูงเป็นอันดับสองในจำนวนบริษัทที่ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิต

พึ่งพาเงินฝากต้นทุนสูง

ทริสเรทติ้งยังคงมองว่าสถานะทางด้านเงินทุนของ TISCO อยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งสอดคล้องกับธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารที่มีความสำคัญต่อระบบในประเทศ เงินฝากทั้งหมดของ TISCO คิดเป็นประมาณ 80% ของเงินทุนทั้งหมด ณ สิ้นปี 2565 ถึงแม้ว่าสัดส่วนของเงินฝากต่อเงินทุนจะต่ำกว่าระดับ 90% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ แต่ในมุมมองของทริสเรทติ้งสถานะทางด้านเงินทุนโดยรวมของ TISCO ก็อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมกับสัดส่วนของสินเชื่อ ด้วยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่เก็บดอกเบี้ยในอัตราคงที่คิดเป็นสัดส่วน 67% ของสินเชื่อทั้งหมด ณ สิ้นปี 2565 ทั้งนี้ การพึ่งพาแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมและเงินฝากประจำช่วยลดความไม่สอดคล้องระหว่างสินทรัพย์และหนี้สินลงได้

เนื่องจากเงินฝากของ TISCO ประกอบด้วยเงินฝากประจำที่มีต้นทุนสูงเป็นส่วนใหญ่จากลูกค้าบุคคลที่มีความมั่งคั่งสูง ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทอยู่ในระดับค่อนข้างสูงและมีการกระจุกตัวของเงินทุน เช่นเดียวกับธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ธนาคารมีความสำคัญต่อระบบในประเทศ ต้นทุนเงินฝากของ TISCO อยู่ที่ 0.98% ในขณะที่ต้นทุนเงินทุนทั้งหมดอยู่ที่ 1.09% ในปี 2565 เทียบกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 0.67% และ 0.78% ตามลำดับ TISCO มีเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (Current Account and Savings Account ? CASA) ต่ำสุดที่ระดับ 23.8% ของเงินฝากรวม ณ สิ้นปี 2565

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอ

สถานะสภาพคล่องของ TISCO สะท้อนถึงสถานะของ TISCOB ซึ่งทริสเรทติ้งมองว่าอยู่ในระดับเพียงพอ อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤติ (Liquidity Coverage Ratio -- LCR) ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาโดยอยู่ที่ระดับ 155% ณ สิ้นปี 2565 จากระดับ 170% ณ สิ้นปี 2564 ซึ่งจัดว่าอยู่ที่ระดับปานกลางเมื่อเทียบกับธนาคารอื่น แต่ก็สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่ 100% อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อเงินฝากทั้งหมดของบริษัทอยู่ที่ 17.9% ณ สิ้นปี 2565 ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับเงินกู้ยืมระยะสั้นนั้นอยู่ในระดับที่ดีที่ 5.2 เท่า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

สมมติฐานที่ทริสเรตติ้งคาดการณ์สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ปในระหว่างปี 2566-2568 มีดังนี้

? อัตราการเติบโตของสินเชื่อ: 5% ต่อปี

? อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ: 4.6%-4.7%

? อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้รวม: 47%-48%

? ต้นทุนทางเครดิต: 0.5%

? อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (ไม่รวมสินทรัพย์ระหว่างธนาคาร): 2%

? อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ: 16.6%-17.2%

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า TISCO จะสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรและความแข็งแกร่งในธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ตลอดจนคุณภาพสินทรัพย์มีการจัดการที่ดีและมีเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับความสามารถของบริษัทในการรักษาสถานะทางการตลาดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมโดยรวมและเพิ่มการ กระจายตัวของโครงสร้างรายให้มากยิ่งขึ้นเป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ คุณภาพสินทรัพย์และสถานะเงินกองทุนควรอยู่ในระดับแข็งแกร่งดังเดิม ในขณะที่สถานะเงินทุนค่อย ๆ เพิ่มขึ้น การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากคุณภาพสินทรัพย์ ตลอดจนเงินกองทุน และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธนาคาร, 20 มีนาคม 2566

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565

บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ