ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร “บ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น” ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 24, 2023 10:07 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทจากการเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทยที่มีผลงานที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในงานก่อสร้าง ปริมาณงานในมือ (Backlog) จำนวนมากและค่อนข้างหลากหลาย และโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรงพร้อมทั้งมีสภาพคล่องที่สูง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากอัตรากำไรที่ต่ำของบริษัทท่ามกลางการแข่งขันที่สูง ต้นทุนวัสดุก่อสร้างและแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ความเสี่ยงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีวงจรธุรกิจผันผวน และแนวโน้มการใช้เงินกู้ที่เพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเติบโตผ่านการลงทุนใหม่ในอนาคต

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

สถานะทางธุรกิจที่มั่นคง

ทริสเรทติ้งพิจารณาว่าสถานะทางธุรกิจของบริษัทนั้นแข็งแรงและมั่นคง มีประวัติผลงานที่ยาวนานและน่าประทับใจในอุตสาหกรรม สถานะทางธุรกิจของบริษัทมีปัจจัยสนับสนุนจากความเชี่ยวชาญและความชำนาญในการรับงานวิศวกรรมและก่อสร้างได้หลากหลายประเภทรวมถึงการมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเป็นอันดับสองในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างหากเทียบจากรายได้ในปี 2565

บริษัทได้รับใบอนุญาตประเภทผู้รับเหมาชั้นหนึ่งจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเกือบทุกแห่ง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาเพียงไม่กี่รายที่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้นในการได้รับสิทธิเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ จากผลงานที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานทำให้บริษัทอยู่ในสถานะที่ดีที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานอีกหลายโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

ปริมาณงานในมือจำนวนมากและค่อนข้างหลากหลาย

ทริสเรทติ้งประเมินว่าปริมาณงานในมือของบริษัทมีมูลค่าสูงและค่อนข้างหลากหลาย โดยปริมาณงานที่ยังไม่ส่งมอบ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 มีมูลค่าประมาณ 1.15 แสนล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค 55% งานก่อสร้างด้านอาคาร 34% งานก่อสร้างด้านพลังงาน 7% และที่เหลือเป็นงานก่อสร้างด้านอุตสาหกรรมและงานก่อสร้างด้านสิ่งแวดล้อม หากแบ่งตามประเภทของลูกค้า ปริมาณงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 61% เป็นงานของเอกชน ส่วนที่เหลืออีก 39% เป็นงานของรัฐบาล สำหรับโครงการหลักที่สำคัญที่ยังไม่ส่งมอบ ได้แก่ โครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ โครงการก่อสร้างหมอชิตคอมเพล็กซ์ (Mochit Complex) โครงการโรงไฟฟ้าหินกอง สนามบินอู่ตะเภา และรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ทั้งนี้ ปริมาณงานในมือในปัจจุบันจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัทในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า

สมมติฐานพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าปริมาณงานในมือในปัจจุบันจะช่วยสร้างรายได้ประมาณ 86% ของรายได้ที่คาดการณ์ไว้ของบริษัทในช่วงปี 2566-2568 ทั้งนี้ คาดว่ารายได้จะปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไปอยู่ที่ 3.14-3.56 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 2566-2568 จากประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในปี 2565 ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งหวังว่าบริษัทจะรับรู้งานใหม่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2566-2568 เพื่อคงระดับมูลค่างานในมือไม่ให้ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทสามารถรับรู้งานใหม่มูลค่าประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาทต่อปีได้เมื่อพิจารณาจากโครงการที่บริษัทจะเข้าประมูลในระหว่างปี 2566-2568

โครงสร้างเงินทุนที่แข็งแรงพร้อมด้วยฐานะเงินสดสุทธิ

การบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพของบริษัท โดยเฉพาะเงินรับล่วงหน้าจากเจ้าของโครงการและระยะเวลาเครดิตจากซัพพลายเออร์และผู้รับเหมาช่วง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท บริษัทได้รับเงินล่วงหน้าจากลูกค้าประมาณ 1.4-2 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2561-2565 ในขณะที่บริษัทมีเจ้าหนี้การค้าประมาณ 4.4-4.6 พันล้านบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แหล่งเงินทุนระยะสั้นที่เกิดขึ้นเองนี้เป็นแหล่งสภาพคล่องหลักของบริษัทและยังให้ความคล่องตัวทางการเงินแก่บริษัทในการประมูลและรับงานโครงการขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันก็ช่วยรักษาความต้องการเงินทุนจากภายนอกกิจการให้อยู่ในระดับต่ำด้วย

การแข่งขันที่รุนแรงและความผันผวนของวงจรธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง

การที่บริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเพียงอย่างเดียว บริษัทจึงได้รับผลกระทบค่อนข้างสูงจากลักษณะของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีความผันผวนและมีการแข่งขันที่รุนแรง ปัจจัยดังกล่าวสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัท นอกจากการแข่งขันที่รุนแรงแล้ว ต้นทุนวัสดุและค่าแรงที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น กอปรกับผลกระทบจากโรคโควิด 19 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวลดลงในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงสู่ระดับ 4.3%-4.9% ในช่วงปี 2563-2565 เทียบกับมากกว่า 7% ในอดีตที่ผ่านมา อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ต่อรายได้ (EBITDA Margin) ของบริษัทก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน โดยลดลงสู่ 6%-7% เทียบกับ 9%-11% ในอดีตที่ผ่านมา

ในอนาคต เนื่องจากบริษัทได้รวมต้นทุนค่าวัสดุการก่อสร้างและค่าแรงที่สูงขึ้นในสัญญารับเหมาก่อสร้างใหม่ที่ลงนามแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นมาสู่ระดับประมาณ 5%-6% ในช่วงปี 2566-2568 จาก 4.9% ในปี 2565 และเนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ค่อนข้างต่ำ EBITDA Margin ของบริษัทจึงคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 6% ในช่วงประมาณการ

ความเสี่ยงทางการเงินที่คาดว่าจะสูงขึ้นจากการลงทุนใหม่

บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะขยายและกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้าเพื่อแสวงหารายได้และกระแสเงินสดที่มีลักษณะเป็นรายได้ประจำและมีความสม่ำเสมอมากขึ้น บริษัทตั้งใจที่จะแสวงหาการลงทุนใหม่ ๆ เพื่อเสริมการสร้างรายได้และกระแสเงินสดให้มีความแข็งแรงขึ้นและมีกำไรที่เหมาะสม กระบวนการลงทุนในธุรกิจใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้วผ่านการลงทุน 30% ใน บริษัท ไซเท็ม เอสที เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบำรุงรักษาและบริหารจัดการอาคาร ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าจะมีการลงทุนในธุรกิจใหม่มากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป

ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ประมาณปีละ 2.5 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้าเพิ่มเติมจากงบลงทุนประจำปีที่ประมาณ 620-710 ล้านบาทต่อปี โดยคาดว่าความเสี่ยงทางการเงินของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 ในขณะที่บริษัทยังคงมีสถานะเงินสดสุทธิในปี 2566-2567 ทริสเรทติ้งประมาณการว่า อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.3 เท่าในปี 2568 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินจะอยู่ที่ 57% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนจะอยู่ที่ 12% ทั้งนี้ ความเสี่ยงทางการเงินในระดับนี้น่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ เมื่อพิจารณาถึงความรอบคอบด้านการบริหารทางการเงินของบริษัท

มีสภาพคล่องสูง

ทริสเรทติ้งพิจารณาว่าบริษัทมีสภาพคล่องสูงจากการได้รับเงินรับล่วงหน้าจำนวนมากจากเจ้าของโครงการและระยะเวลาเครดิตที่ยาวนานจากซัพพลายเออร์ ณ เดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 6.9 พันล้านบาทและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 1.3 พันล้านบาท โดยปกติแล้วบริษัทจะมีการลงทุนระยะสั้นเพื่อเพิ่มผลตอบแทน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเงินต้นเอาไว้ นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกจำนวน 7.9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนจากภายนอกที่สามารถนำมาใช้ได้หากมีความจำเป็น ในด้านการใช้เงินลงทุน บริษัทมีภาระหนี้สัญญาเช่าจำนวน 700 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระภายใน 12 เดือนจำนวน 324 ล้านบาท ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนของบริษัทน่าจะสามารถใช้ชำระคืนภาระผูกพันได้อย่างสบาย

นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินลงทุนในหุ้นสามัญมูลค่ากว่า 1.26 หมื่นล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 รวมถึงหุ้นสามัญของ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 1.22 หมื่นล้านบาท และหุ้นสามัญของ บริษัท ไทยโซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) มูลค่า 450 ล้านบาท บริษัทยังมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินจำนวน 4.9 พันล้านบาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ซึ่งสามารถช่วยลดแรงกดดันด้านสภาพคล่องให้กับบริษัทได้หากมีความจำเป็นในอนาคต บริษัทสามารถขายสินทรัพย์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดายโดยเฉพาะการลงทุนในตราสารทุนเพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับบริษัทหรือเพื่อสนับสนุนธุรกิจใหม่หรือการลงทุนใหม่

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

? บริษัทมีรายได้ 3.14-3.56 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

? อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างประมาณ 5%-6% ในช่วงปี 2566-2568

? การลงทุนใหม่จำนวน 2.5 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2566-2568

? การลงทุนเพื่อบำรุงรักษาสินทรัพย์จำนวน 2% ของรายได้

? เงินสดในมือขั้นต่ำจำนวน 3 พันล้านบาท

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและคงความสามารถในการประมูลงานและดำเนินโครงการให้สำเร็จเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษา EBITDA Margin ให้อยู่ในระดับ 5%-10% และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ต่ำกว่า 2 เท่า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถขยายฐานรายได้และกำไรให้โตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโนมอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลง หากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากความล่าช้าของโครงการ ต้นทุนโครงการที่สูงเกินประมาณการ หรือมีการลงทุนที่มากเกินไปซึ่งทำให้ระดับหนี้สินต่อ EBITDA สูงกว่า 3.5 เท่าเป็นระยะเวลานาน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565

บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (STEC)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2566 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ