ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ?A-? ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 9 พันล้านบาทไถ่ถอนภายใน 10 ปีของบริษัทที่ระดับ ?A-? เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ชุดใหม่ใช้แทนอันดับเครดิตหุ้นกู้เดิมที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 เนื่องจากบริษัทมีความประสงค์ที่จะเพิ่มวงเงินรวมของหุ้นกู้เป็น 9 พันล้านบาท จากเดิม 7 พันล้านบาท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนหนี้หุ้นกู้ชุดเดิมบางส่วนและใช้เป็นเงินทุนในการขยายกิจการและเงินทุนหมุนเวียน
อันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำในประเทศไทยซึ่งมีความสามารถในการรับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงการที่มีความซับซ้อน และความยืดหยุ่นทางการเงินที่เกิดจากการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม สถานะเครดิตของบริษัทก็ลดทอนลงบางส่วนจากภาระหนี้ที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565 ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในปี 2564 โดยรายได้ในปี 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 1.85 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางการขาดแคลนของอุปทานและแรงงาน อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2565 ลดลงเหลือ 8.6% จาก 9.3% ในปี 2564 ขณะที่ มูลค่างานในมือของบริษัท ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 5.59 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับต่ำสุดที่ 2.9 หมื่นล้านบาทในปี 2563
ทริสเรทติ้งประมาณการรายได้ของบริษัทว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นล้านบาทในปี 2566 2.7 หมื่นล้านบาทในปี 2567 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.0 หมื่นล้านบาทในปี 2568 นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะอยู่ในช่วง 8.0%-9.0% เนื่องจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงจะมีเสถียรภาพมากขึ้น กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทจึงคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.7 พันล้านบาทในปี 2566 และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.3-3.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2567-2568
อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 17-19 เท่าในช่วงปี 2563-2565 ซึ่งสูงกว่าในอดีตของบริษัทที่ 8-10 เท่าเป็นอย่างมาก ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 14-15 เท่าในปี 2566 และลดลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 10-13 เท่าในช่วงปี 2567-2568 ขณะที่ อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 62% ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 59% ในปี 2564 ทริสเรทติ้งคาดว่าระดับภาระหนี้ของบริษัทคาดว่าจะค่อย ๆ ลดลงจากระดับปัจจุบัน เนื่องจากบริษัทจะได้รับชำระคืนเงินสนับสนุนให้กู้ยืมประมาณ 1.08 หมื่นล้านบาทจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในช่วงปี 2566-2568 ขณะที่การลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.5-3.0 พันล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะค่อย ๆ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 57%-58% ในช่วงประมาณการ
ทั้งนี้ บริษัทจะต้องรักษาอัตราส่วนทางการเงินให้สอดคล้องตามเงื่อนไขทางการเงินของหุ้นกู้โดยบริษัทจะต้องดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นไม่ให้เกินกว่า 3 เท่า บริษัทมีอัตราส่วนดังกล่าว ณ เดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 1.6 เท่า ภาระหนี้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งทำให้หนี้สินที่มีลำดับในการได้รับชำระคืนก่อนของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 8.2 พันล้านบาทซึ่งประกอบด้วยหุ้นกู้จำนวน 4.2 พันล้านบาท และเงินกู้จากสถาบันการเงินจำนวน 4.0 พันล้านบาท อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1.8-2.0 พันล้านบาทเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายการลงทุน เงินปันผลจ่ายและเงินลงทุนบริษัทในเครือ ขณะที่เงินทุนของบริษัท ณ เดือนธันวาคม 2565 ประกอบด้วยเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราวจำนวน 7 พันล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้อีกจำนวน 1.0 หมื่นล้านบาท ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีความยืดหยุ่นทางการเงินในการขายหุ้นบางส่วนใน บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) บริษัท ซีเคพาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) และ บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) หากจำเป็น อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงการถือหุ้นในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญในบริษัททั้ง 3 แห่งนี้ต่อไป
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันที่อยู่ในระดับสูงในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเอาไว้ได้ต่อไปและบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินได้ตามที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะรักษา EBITDA Margin ให้อยู่ในช่วง 11%-12% และอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA ให้อยู่ที่ประมาณ 10 เท่าเอาไว้ได้ในระยะ 2-3 ปีอีกด้วย
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
การปรับเพิ่มอันดับเครดิตจะเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่งมากกว่าที่ทริสเรทติ้งประมาณการและลดระดับภาระหนี้ของบริษัทลงจนทำให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 8 เท่าเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง
ในขณะที่ปัจจัยที่จะส่งผลกดดันต่ออันดับเครดิตอาจเกิดจากการที่บริษัทมีต้นทุนก่อสร้างที่สูงกว่าประมาณการอย่างมีนัยสำคัญในโครงการหลัก ๆ หรือที่ไม่คาดคิด รวมถึงบริษัทให้การสนับสนุนทางการเงินที่มีมูลค่าสูงแก่บริษัทในกลุ่มซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA เพิ่มขึ้นเกินกว่า 13 เท่าเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่อง
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
CK235B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
CK238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
CK245B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
CK246B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
CK247A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
CK255A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
CK258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
CK25NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-
CK265A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
CK267A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
CK275B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A-
CK283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
CK285A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
CK287A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,020 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
CK295B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A-
CK296A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A-
CK308A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2573 A-
CK315A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A-
CK325A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2575 A-
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายใน 10 ปี A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable