ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ ?A-? จากระดับ ?A? ในขณะเดียวกันยังเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? จาก ?Negative? หรือ ?ลบ? ด้วย โดยการปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องมาจากการลดอันดับเครดิตของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) เป็นระดับ ?A-? จากระดับ ?A? และการเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของ BTS เป็น ?Stable? หรือ ?คงที่? จาก ?Negative? หรือ ?ลบ? ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงสถานะในการเป็นบริษัทลูกหลักของ BTS ซึ่งตาม ?เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ? (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้งนั้น อันดับเครดิตของบริษัทลูกหลักโดยปกติแล้วจะอยู่ในระดับเดียวกับสถานะเครดิตของกลุ่ม (Group?s Credit Profile)
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีฐานะเป็นบริษัทลูกหลักของ BTS
ทริสเรทติ้งประเมินให้บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกหลักของ BTS โดยบริษัทเป็นผู้ถือสัญญาสัมปทานในการให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวรวมทั้งให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (Operating and Maintenance (O&M) Services) สำหรับรถไฟฟ้าทุกระบบที่ดำเนินงานโดยกลุ่มบีทีเอส (BTS Group) นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอสและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสโดยผ่านการดำเนินงานของบริษัทย่อยคือ บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) (VGI) อีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทเป็นแหล่งสร้างรายได้และกำไรหลักของกลุ่มบีทีเอส โดยรายได้ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 75% ของรายได้รวมของกลุ่มบีทีเอสในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในส่วนของกำไรนั้น บริษัทสร้างผลกำไรคิดเป็นสัดส่วนเกือบทั้งหมดของกำไรรวมของกลุ่มบีทีเอสในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2566 (ปีบัญชี 2566 ของ BTS อยู่ในช่วง 1 เมษายน-31 ธันวาคม 2565) ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะยังคงเป็นสัดส่วนหลักของกลุ่มบีทีเอสต่อไปเนื่องจากบริษัทมีรายได้ที่คาดการณ์ได้จากการให้บริการ O&M และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายธุรกิจบริการทางการตลาดแบบผสมผสาน (MIX Business)
ณ เดือนมีนาคม 2566 BTS ถือหุ้นในบริษัทในสัดส่วน 98% ในขณะเดียวกันผู้บริหารและกลยุทธ์กลุ่มของบริษัททั้ง 2 แห่งยังมีบูรณาการร่วมกันและพึ่งพากันในระดับสูงอีกด้วย
ถือสัญญาสัมปทานและสัญญาให้บริการ O&M สำหรับรถไฟฟ้า
บริษัทถือสัญญาสัมปทานในรูปแบบ Build-Transfer-Operate (B-T-O) อายุ 30 ปีในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักซึ่งได้รับการอนุมัติจากกรุงเทพมหานครให้ดำเนินงานในช่วงระหว่างปี 2542-2572 โดยในปี 2556 บริษัทได้ขายรายได้จากผู้โดยสารสุทธิจากการดำเนินงานในอนาคตภายใต้สัญญาสัมปทานให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTS Rail Mass Transit Growth Infrastructure Fund -- BTSGIF) ไปเป็นเงินจำนวน 6.1 หมื่นล้านบาท บริษัทยังได้ทำสัญญาให้บริการ O&M จำนวน 2 ฉบับกับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (KT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางธุรกิจของกรุงเทพมหานครด้วย โดยสัญญาฉบับแรกได้มีการลงนามไปในปี 2555 ซึ่งครอบคลุมรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนแรกและรถไฟฟ้าส่วนหลัก ในขณะที่สัญญาฉบับที่ 2 ได้มีการลงนามในปี 2560 ซึ่งครอบคลุมรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ซึ่งสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้จะหมดอายุพร้อมกันในปี 2585
บริษัทยังได้มีการทำสัญญาให้บริการ O&M กับบริษัทร่วมทุน 2 แห่งของ BTS และผู้ร่วมทุนอีก 2 ราย คือ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอก โมโนเรล จำกัด และ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด เพื่อดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสายสีเหลือง โดยทั้งสองโครงการยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการเต็มเส้นทางได้ในปี 2566
รายได้ของบริษัทจากการให้บริการ O&M ถือเป็นสัดส่วนหลักของรายได้ของกลุ่มบีทีเอส โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2566 รายได้จากการให้บริการดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 55% ของรายได้ของกลุ่มบีทีเอส รายได้จากการให้บริการ O&M จะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามค่าบริการเพิ่มที่ได้กำหนดไว้สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียวและรายได้จากการให้บริการ O&M ที่จะได้รับเพิ่มจากรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่จะเริ่มตั้งแต่ปีบัญชี 2567 เป็นต้นไป
มีสถานะที่ดีในการประมูลโครงการขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ๆ
กลยุทธ์ของกลุ่มบีทีเอสคือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในการเข้าประมูลหรือพัฒนาโครงการขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ๆ โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงจากโครงการให้แก่ BTS ได้ ทั้งนี้ บริษัทได้รับการวางบทบาทให้เป็นบริษัทหลักของกลุ่มบีทีเอสในการเข้าประมูลโครงการสาธารณูปโภคใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนส่งมวลชนต่าง ๆ เนื่องจากคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมประมูลนั้นจะต้องมีประสบการณ์และผลการดำเนินงานย้อนหลังทั้งในด้านการพัฒนาและการดำเนินงานโครงการ โดยบริษัทเป็นหนึ่งในสองของผู้ให้บริการในประเทศไทยซึ่งมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับมามากกว่า 20 ปีในการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้า ดังนั้น ความแข็งแกร่งดังกล่าวจึงถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ส่งผลให้กลุ่ม
บีทีเอสมีสถานะที่ดีในการชนะการประมูลโครงการขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ๆ
สถานะสภาพคล่องยังคงเพียงพอ
ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2565 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 5.7 พันล้านบาทและมีเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 2.7 พันล้านบาท นอกจากนี้ ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวนประมาณ 7 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกจำนวน 1.37 หมื่นล้านบาทอีกด้วย ในขณะที่บริษัทมีภาระในการชำระหนี้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้าซึ่งประกอบด้วยหนี้ระยะยาวจำนวน 4.3 พันล้านบาทและหนี้ระยะสั้นจำนวน 3 พันล้านบาท
ณ เดือนธันวาคม 2565 บริษัทไม่มีหนี้ที่มีสิทธิ์ได้รับชำระคืนก่อน
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต ?Stable? หรือ ?คงที่? ของบริษัทขึ้นอยู่กับแนวโน้มอันดับเครดิตของ BTS ซึ่งเป็นบริษัทแม่
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของ BTS เปลี่ยนแปลงไป หรือหากทริสเรทติ้งมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานะในการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทย่อยอื่น ๆ ในกลุ่มหรือบริษัทในเครือของ BTS
เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตกลุ่มธุรกิจ, 7 กันยายน 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 15 กรกฎาคม 2565
- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงินสำหรับธุรกิจทั่วไป, 11 มกราคม 2565
- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BTSC)
อันดับเครดิตองค์กร: A-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
BTSC23NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A-
BTSC24NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-
BTSC26NB: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A-
BTSC28NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-
BTSC31NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2574 A-
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable