บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" พร้อมแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในการเป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนการมีมูลค่าของงานที่อยู่ในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) จำนวนมาก การเป็นผู้รับเหมาที่สามารถรับงานก่อสร้างได้หลากหลายประเภททั้งในและต่างประเทศ การเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่สำคัญ และแนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจวิศวกรรมและรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย ทว่าความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของปริมาณงานก่อสร้างในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและการแข่งขันที่รุนแรง
ในขณะที่ แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะรักษาความสามารถในการแข่งขันในฐานะที่เป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยได้ต่อไปและบริษัทจะดำเนินนโยบายในการเข้าประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐอย่างมีวินัย ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะรักษานโยบายการลงทุนที่รอบคอบโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 30,454 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 4 เท่าของรายได้รวมของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างอันดับสอง ธุรกิจของบริษัทแบ่งสายงานออกเป็น 9 ประเภท รวมทั้งมีสาขาในประเทศไต้หวันและฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทย่อยซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศอินเดีย บริษัทมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างแก่ภาครัฐในสัดส่วนที่สูงมากในปัจจุบันและคาดว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 บริษัทมีมูลค่าของงานที่มีอยู่ในมือซึ่งยังไม่ส่งมอบจำนวน 44,186 ล้านบาท โดย 82.1% เป็นงานภาครัฐ และ 17.9% เป็นงานภาคเอกชน บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับมานาน รวมทั้งยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน การประหยัดจากขนาดในการก่อสร้าง การมีวัตถุดิบสำคัญที่พอเพียง การมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หลากหลาย และการมีวิศวกรและแรงงานมีฝีมือเป็นจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่าในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่โครงการของภาครัฐที่มีผู้รับเหมาเพียงไม่กี่รายที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เบื้องต้นก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลถือได้ว่าเป็นอุปสรรคในระดับสูงที่จะเข้าสู่ธุรกิจ มูลค่าของงานที่มีอยู่ในมือที่ยังไม่ส่งมอบของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ทั้ง 3 รายยังคงเพิ่มขึ้นจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ดังกล่าวมีโอกาสอย่างมากที่จะชนะการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐในหลายโครงการซึ่งจะเปิดประมูลในช่วง 5 ปีข้างหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชนซึ่งบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานในอดีตจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทในระยะปานกลาง นอกจากนี้ บริษัทยังมีความได้เปรียบในเรื่องของการมีโรงงานและอุปกรณ์ในการผลิตแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป (Pre-cast Concrete Fabrication) และมีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการประมูลโครงการบ้านเอื้ออาทร
ทริสเรทติ้งกล่าวอีกว่า ความเสี่ยงที่สำคัญของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างคือปริมาณงานก่อสร้างที่มีความผันผวนอย่างมากซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถคาดการณ์รายได้และกระแสเงินสดในอนาคตได้ การดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังมากขึ้นหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาจะช่วยให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้แม้ในช่วงธุรกิจถดถอย หลังจากประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการในปี 2545 สถานะทางการเงินของบริษัทได้ปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีเงินกู้ยืมลดลงกว่า 8,214 ล้านบาท จาก 14,172 ล้านบาทในปี 2544 เป็น 5,958 ล้านบาทในปี 2545 แต่ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11,366 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งเป็นผลจากการกู้ยืมเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัท คาดว่าเงินกู้ของบริษัทจะปรับลดลงในช่วงสิ้นปีเนื่องจากบริษัทจะได้รับการชำระเงินจากโครงการต่างๆ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้ยืมรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 7% ในปี 2544 เป็น 22% ในปี 2547 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 41% ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขาย ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 อยู่ที่ระดับ 5.5% ลดลงจากระดับ 8% ในปี 2547 แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในระยะปานกลาง -- จบ
ในขณะที่ แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะรักษาความสามารถในการแข่งขันในฐานะที่เป็นผู้นำในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยได้ต่อไปและบริษัทจะดำเนินนโยบายในการเข้าประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐอย่างมีวินัย ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าบริษัทจะรักษานโยบายการลงทุนที่รอบคอบโดยหลีกเลี่ยงการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้อง
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 30,454 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 4 เท่าของรายได้รวมของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างอันดับสอง ธุรกิจของบริษัทแบ่งสายงานออกเป็น 9 ประเภท รวมทั้งมีสาขาในประเทศไต้หวันและฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทย่อยซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศอินเดีย บริษัทมีรายได้จากการให้บริการก่อสร้างแก่ภาครัฐในสัดส่วนที่สูงมากในปัจจุบันและคาดว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2548 บริษัทมีมูลค่าของงานที่มีอยู่ในมือซึ่งยังไม่ส่งมอบจำนวน 44,186 ล้านบาท โดย 82.1% เป็นงานภาครัฐ และ 17.9% เป็นงานภาคเอกชน บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันเนื่องจากมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับมานาน รวมทั้งยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน การประหยัดจากขนาดในการก่อสร้าง การมีวัตถุดิบสำคัญที่พอเพียง การมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่หลากหลาย และการมีวิศวกรและแรงงานมีฝีมือเป็นจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่าในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่โครงการของภาครัฐที่มีผู้รับเหมาเพียงไม่กี่รายที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เบื้องต้นก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลถือได้ว่าเป็นอุปสรรคในระดับสูงที่จะเข้าสู่ธุรกิจ มูลค่าของงานที่มีอยู่ในมือที่ยังไม่ส่งมอบของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ทั้ง 3 รายยังคงเพิ่มขึ้นจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ดังกล่าวมีโอกาสอย่างมากที่จะชนะการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐในหลายโครงการซึ่งจะเปิดประมูลในช่วง 5 ปีข้างหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชนซึ่งบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ มีความเชี่ยวชาญและมีผลงานในอดีตจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทในระยะปานกลาง นอกจากนี้ บริษัทยังมีความได้เปรียบในเรื่องของการมีโรงงานและอุปกรณ์ในการผลิตแผ่นคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป (Pre-cast Concrete Fabrication) และมีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างบ้านให้แก่ผู้มีรายได้น้อยซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในการประมูลโครงการบ้านเอื้ออาทร
ทริสเรทติ้งกล่าวอีกว่า ความเสี่ยงที่สำคัญของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างคือปริมาณงานก่อสร้างที่มีความผันผวนอย่างมากซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถคาดการณ์รายได้และกระแสเงินสดในอนาคตได้ การดำเนินนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวังมากขึ้นหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมาจะช่วยให้บริษัทสามารถอยู่รอดได้แม้ในช่วงธุรกิจถดถอย หลังจากประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการในปี 2545 สถานะทางการเงินของบริษัทได้ปรับตัวดีขึ้นเป็นอย่างมาก โดยบริษัทมีเงินกู้ยืมลดลงกว่า 8,214 ล้านบาท จาก 14,172 ล้านบาทในปี 2544 เป็น 5,958 ล้านบาทในปี 2545 แต่ได้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 11,366 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 ซึ่งเป็นผลจากการกู้ยืมเพื่อใช้ในการดำเนินงานของบริษัท คาดว่าเงินกู้ของบริษัทจะปรับลดลงในช่วงสิ้นปีเนื่องจากบริษัทจะได้รับการชำระเงินจากโครงการต่างๆ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้ยืมรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 7% ในปี 2544 เป็น 22% ในปี 2547 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ระดับ 41% ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อยอดขาย ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 อยู่ที่ระดับ 5.5% ลดลงจากระดับ 8% ในปี 2547 แต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในระยะปานกลาง -- จบ