บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงความเป็นผู้นำของบริษัทในฐานะผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ระดับโลก การมีสินค้าและฐานลูกค้าที่หลากหลาย และความแข็งแกร่งของเครื่องหมายการค้าปลาทูน่ากระป๋อง “Chicken of the Sea” นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงผลงานของคณะผู้บริหารที่เป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมส่งออกอาหารทะเล และนโยบายในการขยายกิจการที่รอบคอบของบริษัท อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวมีข้อจำกัดบางประการจากความอิ่มตัวของอุตสาหกรรมปลาทูน่ากระป๋องในประเทศสหรัฐอเมริกา ความผันผวนที่ค่อนข้างสูงของราคาปลาทูน่า และการแข่งขันของผู้ประกอบการจากประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า รวมทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าจากประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ความผันผวนของค่าเงินบาท และความเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมการบริโภค
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งจะขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และลดภาระหนี้ได้ภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ เป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทย โดยมียอดขายในปี 2550 อยู่ที่ 55,507 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2551 บริษัทมีกำลังการผลิตปลาทูน่ากระป๋องอยู่ที่ 309,000 ตันต่อปี ส่งผลทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้แปรรูปปลาทูน่าชั้นนำระดับสากล ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทได้รับผลประโยชน์จากการขยายธุรกิจสู่งานด้านบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายกระจายสินค้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้าที่หลากหลาย โดยในปี 2550 ปลาทูน่ากระป๋องสร้างรายได้ให้บริษัทมากที่สุดประมาณ 47% ของยอดขายทั้งหมด ตามด้วยกุ้งแช่แข็ง 20% อาหารทะเลกระป๋อง 9% และอาหารสัตว์กระป๋อง 8% ตลาดส่งออกหลักของบริษัทประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา (55%) ญี่ปุ่น (12%) และสหภาพยุโรป (9%) คณะผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลมานานกว่าสองทศวรรษ ในขณะที่บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าปลาทูน่ากระป๋อง “Chicken of the Sea” ซึ่งจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประเทศสหรัฐฯ การซื้อลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “Chicken of the Sea” เต็ม 100% ในปี 2544 ช่วยเสริมให้ฐานะบริษัทเข้มแข็งขึ้นและส่งผลให้รายได้ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นถึงเกือบเท่าตัว ความแข็งแกร่งในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทสร้างฐานลูกค้าเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งสินค้าคุณภาพสูงและสินค้าอาหารทะเลมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทจะเติบโตอย่างค่อนข้างมั่นคง แต่ปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ และมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้ายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผลประกอบการของบริษัท ผลกระทบรุนแรงที่สุดที่บริษัทได้รับจากอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดกุ้งคาดว่าจะอยู่ในวงจำกัดเนื่องจากปริมาณกุ้งที่บริษัทส่งออกไปยังประเทศสหรัฐฯ มีเพียงประมาณ 7% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลง ราคาปลาทูน่าที่สูงเป็นประวัติการณ์สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อสัดส่วนรายได้ต่อยอดขายและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด ในไตรมาสแรกของปี 2551 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 3.4% ลดลงจาก 5.9% ในปี 2550 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ เดือนมีนาคม
2551 อยู่ที่ 45.4% เทียบกับ 49.2% ในปี 2550 และ 39.9% ในปี 2549 สถานะสภาพคล่องยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ถึงแม้ว่าจะลดลงเล็กน้อย อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 อยู่ที่ 4.5 เท่า ลดลงจาก 6.3 เท่าในปี 2550 ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องต่อไปอีกในระยะปานกลางจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และความผันผวนของค่าเงินบาท สัดส่วนกำไรของบริษัทอยู่ในจุดที่บริษัทจะสามารถเพิ่มภาระหนี้ได้อีกไม่มากนัก มิฉะนั้นก็อาจจะส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท -- จบ
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ระดับ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUF116A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ระดับ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
-------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความแข็งแกร่งในการแข่งขันเอาไว้ได้จากการประหยัดจากขนาดและความมีประสิทธิภาพในการผลิต รวมทั้งจะขยายธุรกิจด้วยความระมัดระวัง และลดภาระหนี้ได้ภายในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ เป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็งรายใหญ่ของประเทศไทย โดยมียอดขายในปี 2550 อยู่ที่ 55,507 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2551 บริษัทมีกำลังการผลิตปลาทูน่ากระป๋องอยู่ที่ 309,000 ตันต่อปี ส่งผลทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในผู้แปรรูปปลาทูน่าชั้นนำระดับสากล ห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของบริษัทได้รับผลประโยชน์จากการขยายธุรกิจสู่งานด้านบรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายกระจายสินค้า นอกจากนี้ บริษัทยังมีสินค้าที่หลากหลาย โดยในปี 2550 ปลาทูน่ากระป๋องสร้างรายได้ให้บริษัทมากที่สุดประมาณ 47% ของยอดขายทั้งหมด ตามด้วยกุ้งแช่แข็ง 20% อาหารทะเลกระป๋อง 9% และอาหารสัตว์กระป๋อง 8% ตลาดส่งออกหลักของบริษัทประกอบด้วยประเทศสหรัฐอเมริกา (55%) ญี่ปุ่น (12%) และสหภาพยุโรป (9%) คณะผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลมานานกว่าสองทศวรรษ ในขณะที่บริษัทมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าปลาทูน่ากระป๋อง “Chicken of the Sea” ซึ่งจำหน่ายมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ในประเทศสหรัฐฯ การซื้อลิขสิทธิ์เครื่องหมายการค้า “Chicken of the Sea” เต็ม 100% ในปี 2544 ช่วยเสริมให้ฐานะบริษัทเข้มแข็งขึ้นและส่งผลให้รายได้ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นถึงเกือบเท่าตัว ความแข็งแกร่งในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวยังส่งผลให้บริษัทสร้างฐานลูกค้าเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งสินค้าคุณภาพสูงและสินค้าอาหารทะเลมูลค่าเพิ่ม (Value-added Product) อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของบริษัทจะเติบโตอย่างค่อนข้างมั่นคง แต่ปัจจัยภายนอกต่างๆ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ และมาตรการทางการค้าของประเทศคู่ค้ายังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผลประกอบการของบริษัท ผลกระทบรุนแรงที่สุดที่บริษัทได้รับจากอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดกุ้งคาดว่าจะอยู่ในวงจำกัดเนื่องจากปริมาณกุ้งที่บริษัทส่งออกไปยังประเทศสหรัฐฯ มีเพียงประมาณ 7% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท
บริษัทมีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอลง ราคาปลาทูน่าที่สูงเป็นประวัติการณ์สร้างแรงกดดันอย่างมากต่อสัดส่วนรายได้ต่อยอดขายและความสามารถในการสร้างกระแสเงินสด ในไตรมาสแรกของปี 2551 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ 3.4% ลดลงจาก 5.9% ในปี 2550 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน ณ เดือนมีนาคม
2551 อยู่ที่ 45.4% เทียบกับ 49.2% ในปี 2550 และ 39.9% ในปี 2549 สถานะสภาพคล่องยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ถึงแม้ว่าจะลดลงเล็กน้อย อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2551 อยู่ที่ 4.5 เท่า ลดลงจาก 6.3 เท่าในปี 2550 ทริสเรทติ้งคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงได้รับแรงกดดันต่อเนื่องต่อไปอีกในระยะปานกลางจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และความผันผวนของค่าเงินบาท สัดส่วนกำไรของบริษัทอยู่ในจุดที่บริษัทจะสามารถเพิ่มภาระหนี้ได้อีกไม่มากนัก มิฉะนั้นก็อาจจะส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัท -- จบ
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF)
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ระดับ A+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUF116A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ระดับ A+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
-------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว