บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยกเลิกประกาศ "เครดิตพินิจ" (CreditAlert) แนวโน้ม "Developing" หรือ "ยังไม่ชัดเจน" สำหรับอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2548 หลังจากที่บริษัทได้กระทำผิดเงื่อนไขบางประการในสัญญาหุ้นกู้มีประกัน อัตราดอกเบี้ย 13% ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2550 พร้อมกันนั้น ทริสเรทติ้งประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ "BBB" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" เนื่องจากบริษัทประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ย 11% ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2555 จำนวน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และบริษัทได้นำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้เงินกู้ที่บริษัทและบริษัทย่อยมีภายใต้สัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับธนาคารในประเทศไทย ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการที่ธนาคารดังกล่าวจะถือเป็นเหตุแห่งการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทและจะเร่งให้มีการชำระหนี้หุ้นกู้ดังกล่าวหมดไป นอกจากนี้ โอกาสที่ผู้ถือหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2550 จะเร่งให้มีการชำระหนี้ก่อนครบกำหนดซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาสภาพคล่องแก่บริษัทก็มีค่อนข้างน้อย โดยบริษัทได้แจ้งว่าบริษัทได้ทำการชำระหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบันตรงตามกำหนดเวลามาโดยตลอด และยังไม่มีปฏิกริยาในเรื่องนี้จากผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทก็มิได้คาดว่าผู้ถือหุ้นกู้ดังกล่าวจะเร่งให้มีการชำระหนี้หุ้นกู้ก่อนครบกำหนด
ทริสเรทติ้งรายงานว่า การก่อหนี้ใหม่เพื่อชดใช้หนี้เก่าดังกล่าวทำให้บริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร มีความคล่องตัวทางการเงินมากขึ้นเนื่องจากทรัพย์สินที่นำไปใช้เป็นหลักประกันกับธนาคารได้ถูกถอนออกมาหมด นอกจากนี้ ความเสี่ยงในเรื่องอัตราดอกเบี้ยก็หมดไปเนื่องจากดอกเบี้ยหุ้นกู้ใหม่มีอัตราคงที่ ความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพคล่องของบริษัทในระยะสั้นก็ลดลงเนื่องจากบริษัทไม่มีภาระต้องชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้สัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทุกไตรมาส อย่างไรก็ดี ภาระดอกเบี้ยที่ต้องชำระของบริษัทในระยะสั้นถึงปานกลางจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนเงินกู้เพิ่มจากที่ระดับ MLR ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6.75% ณ วันที่ 6 เดือนกุมภาพันธ์ 2549 ไปเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 11% นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีภาระต้องไถ่ถอนหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ย 13% อีกจำนวน 48.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2550
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร เป็นผู้ผลิตเยื่อและกระดาษรายใหญ่ของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจำนวน 2 โรง โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 500,000 ตันต่อปี และมีเครื่องผลิตกระดาษจำนวน 3 เครื่อง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 564,000 ตันต่อปี โดยมีการใช้กำลังการผลิตของโรงผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษเกินกว่า 100% ในปี 2548
อันดับเครดิต "BBB" สะท้อนถึงฐานะของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตกระดาษพิมพ์เขียนและเยื่อกระดาษชนิดเยื่อใยสั้นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงการมีโรงงานที่มีประสิทธิภาพและมีการผลิตที่ครบวงจร นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทยังคงมีภาระหนี้ที่สูงและมีประเภทผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงราคาเยื่อและกระดาษที่ค่อนข้างผันผวน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ของบริษัทสะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอันเนื่องมาจากความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกซึ่งน่าจะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น แต่หากบริษัทมีการลงทุนจำนวนมากในอนาคตซึ่งอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ก็จะต้องมีการทบทวนอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทใหม่ ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า การก่อหนี้ใหม่เพื่อชดใช้หนี้เก่าดังกล่าวทำให้บริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร มีความคล่องตัวทางการเงินมากขึ้นเนื่องจากทรัพย์สินที่นำไปใช้เป็นหลักประกันกับธนาคารได้ถูกถอนออกมาหมด นอกจากนี้ ความเสี่ยงในเรื่องอัตราดอกเบี้ยก็หมดไปเนื่องจากดอกเบี้ยหุ้นกู้ใหม่มีอัตราคงที่ ความเสี่ยงเกี่ยวกับสภาพคล่องของบริษัทในระยะสั้นก็ลดลงเนื่องจากบริษัทไม่มีภาระต้องชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้สัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทุกไตรมาส อย่างไรก็ดี ภาระดอกเบี้ยที่ต้องชำระของบริษัทในระยะสั้นถึงปานกลางจะเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากต้นทุนเงินกู้เพิ่มจากที่ระดับ MLR ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6.75% ณ วันที่ 6 เดือนกุมภาพันธ์ 2549 ไปเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 11% นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีภาระต้องไถ่ถอนหุ้นกู้อัตราดอกเบี้ย 13% อีกจำนวน 48.72 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2550
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร เป็นผู้ผลิตเยื่อและกระดาษรายใหญ่ของประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทและบริษัทย่อยมีโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจำนวน 2 โรง โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 500,000 ตันต่อปี และมีเครื่องผลิตกระดาษจำนวน 3 เครื่อง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 564,000 ตันต่อปี โดยมีการใช้กำลังการผลิตของโรงผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษเกินกว่า 100% ในปี 2548
อันดับเครดิต "BBB" สะท้อนถึงฐานะของบริษัทในการเป็นผู้ผลิตกระดาษพิมพ์เขียนและเยื่อกระดาษชนิดเยื่อใยสั้นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย รวมถึงการมีโรงงานที่มีประสิทธิภาพและมีการผลิตที่ครบวงจร นอกจากนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวยังคำนึงถึงความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากการที่บริษัทยังคงมีภาระหนี้ที่สูงและมีประเภทผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง รวมถึงราคาเยื่อและกระดาษที่ค่อนข้างผันผวน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ของบริษัทสะท้อนการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นอันเนื่องมาจากความต้องการเยื่อและกระดาษที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกซึ่งน่าจะส่งผลให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้น แต่หากบริษัทมีการลงทุนจำนวนมากในอนาคตซึ่งอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ก็จะต้องมีการทบทวนอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทใหม่ ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ