ทริสเรทติ้งเตือน เครดิตประเทศอาจถดถอยระยะยาว

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday November 30, 2008 11:00 —ทริส เรตติ้ง

ดร.วรภัทร โตธนะเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ระบุว่า ประเทศไทยได้ปล่อยช่วงเวลาที่ปัญหาต่างๆ ยังพอมีทางออกอยู่บ้าง ให้ผ่านไปเฉยๆ จนเข้าสู่สภาวะปัจจุบันที่ “ทุกทางออก มีปัญหา” เสียแล้วอย่างน่าเสียดาย หวั่นความขัดแย้งได้ฝังรากลึก จนสังคมแตกร้าวไปอีกนาน ปัจจุบันอันดับเครดิตได้เริ่มถูกปรับลดลงแล้ว และถ้าปัญหายังรุนแรงเช่นนี้ อาจถูกปรับลดลงต่อไปอีกในระยะยาว แนะทางออกยังพอมี แต่ทุกฝ่ายต้องลดทิฐิ และไม่ว่าจะเป็นทางออกใด ก็ต้องเตรียมพร้อมเพื่อรองรับปัญหาอื่นที่จะตามมาอย่างแน่นอน

ดร.วรภัทร กล่าวว่าปัจจุบัน สถาบันจัดอันดับระดับโลก ได้ปรับลดอันดับของไทยลงไปบ้างแล้ว โดยล่าสุด บริษัท อาร์ แอนด์ ไอ ของญี่ปุ่น (Rating and Investment Information, Inc. (R&I)) ซึ่งให้อันดับประเทศไทยที่ BBB+ ก็ได้ปรับแนวโน้มเครดิต จาก “บวก” เป็น “มีเสถียรภาพ” ส่วน PERC (Political and Economic Risk Consultancy, Ltd.) ได้จัดความเสี่ยงทางการเมืองและสังคมของไทย ให้สูงเป็นอันดับสองรองจากประเทศอินเดีย จากประเทศทั้งหมด 16 ประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนั้น ดัชนีชี้วัดเสถียรภาพทางการเมือง ที่จัดทำโดยธนาคารโลกเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา คะแนนเต็ม 100 ไทยเราได้เพียง 16.8 เท่านั้น ในขณะที่ความขัดแย้งทางการเมืองของเราขณะนี้ก็รุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงอาจทำให้คะแนนลดลงไปอีกในปี 2551 จนเหลือต่ำกว่า 10 ก็เป็นไปได้ ขณะเดียวกัน อันดับเครดิตของไทย ซึ่ง S&P ได้ให้ไว้ที่ BBB+ และระบุเมื่อไม่นานมานี้ ว่าอาจปรับแนวโน้มให้เป็น “ลบ” ได้ ถ้าหากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มกระทบปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งเหตุการณ์ในขณะนี้ ตนมองว่า มีโอกาสถูกปรับเครดิตลง เพราะปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ได้เสื่อมถอยลงอย่างมากและชัดเจน

สำหรับทางออกของปัญหาในขณะนี้นั้น ดร.วรภัทร กล่าวว่า ทางออกแม้จะมีอยู่หลายทาง แต่ ณ. เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นการลาออก การยุบสภา หรือแม้กระทั่งการยึดอำนาจ ก็จะนำไปสู่ปัญหาใหม่ตามมา ซึ่งเราจะต้องเตรียมพร้อมที่จะแก้ปัญหาต่อเนื่องเหล่านั้นด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง เพราะในขณะที่เรายังพอมีทางออกที่ดีให้เลือกอยู่บ้างนั้น เรากลับปล่อยให้โอกาสผ่านพ้นไปเฉยๆ เหตุก็เพราะทิฐิของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น เรายังใช้เวลาดังกล่าว ผูกปมปัญหาใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นด้วย เช่น ความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ การใช้อาวุธปราบประชาชนอย่างรุนแรงเกินเหตุ การไม่ยอมรับกฎหมาย จนนำไปสู่สังคมที่กฎหมายไม่สามารถใช้บังคับได้ การรวมพลังต่อต้าน หรือการลอบทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง ฯลฯ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านั้น ได้ยกระดับความรุนแรงของปัญหาให้สูงขึ้นอย่างมาก จนปัจจุบันได้เข้าสู่ระดับของการ “แพ้ไม่ได้” ของทุกฝ่าย ไปแล้ว และนั่นคืออันตรายร้ายแรงของชาติในขณะนี้

ดร.วรภัทร ระบุว่าธุรกิจภาคเอกชนกว่า 100 บริษัท ที่ให้ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้นั้น ที่ผ่านมาก็ยังพอประคองตัวไปได้ดีพอสมควร และส่วนใหญ่พอทำกำไรได้ ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมทางการเมืองจะเป็นปัญหามาโดยตลอดกว่า 3 ปีแล้วก็ตาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของภาคเอกชน อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เกิดวิกฤติการทางการเงินระดับโลกในช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ ทริสเรทติ้งได้ติดตามลูกค้าทุกรายอย่างใกล้ชิดทุกเดือน โดยเน้นเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น ว่าได้รับผลกระทบหรือไม่ เพียงใด ปรากฏว่าส่วนใหญ่ ยังพอรับภาระการชำระหนี้ระยะสั้นได้ บางรายอาจประสบปัญหา ซึ่งทริสเรทติ้งก็ได้ประกาศลดอันดับไปบ้างแล้ว แต่ถ้าสถานการณ์ทางการเมืองยังเลวร้ายต่อเนื่องและรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ อีกไม่นานนักภาคเอกชนก็คงจะค่อยๆ หมดแรงลงเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ความเติบโตของการจ้างงานลดลง และประชาชนก็จะได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า

ดร.วรภัทร กล่าวว่า เข้าใจดีว่าทุกฝ่ายต่างทำด้วยความเชื่อว่าตนเองรักชาติ แต่ผลก็คือวันนี้ ชาติกำลังย่อยยับ และภาพลักษณ์ของประเทศเรา เสื่อมถอยลงอย่างหนัก “ไม่ว่าการเผชิญหน้าในขณะนี้ จะมีผลออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม แน่นอนว่า ปัญหาอื่นจะตามมา และนักท่องเที่ยว ตลอดจนนักลงทุน จะเข้าประเทศเราน้อยลงไปอีกหลายปี เศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอยู่ในภาวะถดถอยและน่าเป็นห่วงอยู่แล้ว จะบอบช้ำต่อไปอีกนาน” “อยากขอร้องให้ทุกฝ่ายที่รักชาติโปรดลดทิฐิลงบ้าง แล้วหันมาเจรจาเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน จนกว่าจะได้ทางออก ที่แต่ละฝ่ายพอจะยอมรับได้ ถ้าเรายังรุนแรงต่อกันและกันต่อไป โอกาสที่สถาบันจัดอันดับต่างๆ จะปรับลดเครดิตของประเทศไทย ลงไปอีก รวมทั้งเศรษฐกิจที่จะเสื่อมถอยลง และสังคมที่ไม่มีความสุข ก็อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ซึ่งไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายพึงปรารถนา”

ดร.วรภัทร กล่าวในที่สุดว่า ประเทศเรามีปัญหาการเมืองซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายทศวรรษ สาเหตุก็เพราะการเมืองไทยขาดธรรมาภิบาล ทำให้นักการเมืองที่มีอำนาจบางคน กระทำการคอรัปชั่นอย่างกว้างขวาง จนสังคมบางส่วนยอมรับไม่ได้ ต้องออกมาขับไล่รัฐบาล และบางครั้ง วิธีการกดดันก็ล่วงล้ำออกนอกกรอบของกฎหมาย ตนเองหวังว่าเมื่อประเทศผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้แล้ว นักการเมืองไทยจะต้องปรับเปลี่ยนกรอบวิธีคิด และเร่งสร้างธรรมาภิบาลอย่างจริงจัง ถ้าไม่ทำเช่นนั้น ประเทศเราก็มิอาจหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์เช่นนี้ไปได้ -- จบ

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2551 ห้ามไม่มิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ   แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ  ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน  บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ