บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” เท่าเดิม พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทในโครงการก่อสร้างภาครัฐ รวมถึงมูลค่าของงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก การเป็นผู้รับเหมาที่มีความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม และการมีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่ปรับตัวลดลงจากผลของราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ความผันผวนของปริมาณงานในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการลงทุนด้านการก่อสร้างภาครัฐที่ไม่แน่นอน
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในงานก่อสร้างภาครัฐได้ต่อไป อัตรากำไรที่ดีจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีมากขึ้นคาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านอัตรากำไรจากงานก่อสร้างภาครัฐ ด้วยปริมาณงานที่อยู่ในมือมากกว่า 30,000 ล้านบาทจึงคาดว่าบริษัทจะดำเนินการประมูลงานอย่างพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญๆ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปัจจุบัน บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น มีฐานะเป็น 1 ใน 3 ของผู้รับเหมาก่อสร้าง
รายใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยบริษัทได้รับการจัดลำดับให้เป็นผู้รับเหมาชั้นหนึ่งจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง นอกเหนือจากงานก่อสร้างภาครัฐแล้ว บริษัทยังมีความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมีด้วย โดยตั้งแต่ปี 2547 บริษัทได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมด 6 แห่ง คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 12,199 ล้านบาท ในปี 2548 รายได้ค่าก่อสร้างของบริษัทประมาณ 69% มาจากโครงการก่อสร้างภาครัฐ แม้ว่างานก่อสร้างทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนคาดว่าจะชะลอตัวลง แต่บริษัทก็ยังไม่ได้รับแรงกดดันในด้านการประมูลงานเนื่องจากบริษัทยังมีงานที่ยังไม่ส่งมอบอยู่เป็นจำนวนมาก โดยคิดเป็นมูลค่า 35,549 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งมากกว่ารายได้ในปี 2548 ถึงเกือบ 3 เท่า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สถานะทางการเงินของบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นในปี 2548 ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นจาก 3.36% ในปี 2547 เป็น 5.98% ในปี 2548 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 28.01% ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 38.71% จากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้เงินกู้จำนวน 1,323 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการจัดซื้อเครื่องจักร
และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นเป็น 26.64% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 จากการเพิ่มทุนจำนวน 1,885 ล้านบาท -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549 ห้ามไม่มิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในงานก่อสร้างภาครัฐได้ต่อไป อัตรากำไรที่ดีจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีมากขึ้นคาดว่าจะช่วยลดแรงกดดันด้านอัตรากำไรจากงานก่อสร้างภาครัฐ ด้วยปริมาณงานที่อยู่ในมือมากกว่า 30,000 ล้านบาทจึงคาดว่าบริษัทจะดำเนินการประมูลงานอย่างพิถีพิถันมากยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญๆ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ปัจจุบัน บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น มีฐานะเป็น 1 ใน 3 ของผู้รับเหมาก่อสร้าง
รายใหญ่ที่สุดของประเทศซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในโครงการก่อสร้างภาครัฐ โดยบริษัทได้รับการจัดลำดับให้เป็นผู้รับเหมาชั้นหนึ่งจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง นอกเหนือจากงานก่อสร้างภาครัฐแล้ว บริษัทยังมีความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมีด้วย โดยตั้งแต่ปี 2547 บริษัทได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างโรงไฟฟ้าทั้งหมด 6 แห่ง คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 12,199 ล้านบาท ในปี 2548 รายได้ค่าก่อสร้างของบริษัทประมาณ 69% มาจากโครงการก่อสร้างภาครัฐ แม้ว่างานก่อสร้างทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนคาดว่าจะชะลอตัวลง แต่บริษัทก็ยังไม่ได้รับแรงกดดันในด้านการประมูลงานเนื่องจากบริษัทยังมีงานที่ยังไม่ส่งมอบอยู่เป็นจำนวนมาก โดยคิดเป็นมูลค่า 35,549 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ซึ่งมากกว่ารายได้ในปี 2548 ถึงเกือบ 3 เท่า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า สถานะทางการเงินของบริษัทซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่นในปี 2548 ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายปรับตัวดีขึ้นจาก 3.36% ในปี 2547 เป็น 5.98% ในปี 2548 อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 28.01% ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนเพิ่มขึ้นเป็น 38.71% จากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้เงินกู้จำนวน 1,323 ล้านบาทเพื่อนำไปใช้ในการจัดซื้อเครื่องจักร
และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นเป็น 26.64% ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2549 จากการเพิ่มทุนจำนวน 1,885 ล้านบาท -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549 ห้ามไม่มิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว