บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ในขณะเดียวกันได้ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทดังกล่าวที่ระดับ “A-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะที่แข็งแกร่งของบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ในการเป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตลอดจนการมีมูลค่าของงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog) จำนวนมาก การเป็นผู้รับเหมาที่สามารถรับงานก่อสร้างได้หลากหลายประเภททั้งในและต่างประเทศ การเป็นผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างที่สำคัญ และแนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจวิศวกรรมและรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทยในระยะปานกลางและระยะยาว ทว่าความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความผันผวนของปริมาณงานก่อสร้างในธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ตลอดจนการแข่งขันที่รุนแรง และภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท โดยบริษัทจะนำรายได้จากการออกหุ้นกู้ดังกล่าวไปใช้ชำระหนี้ที่มีอยู่ของบริษัท
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานภาพในการแข่งขันในฐานะที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้ต่อไปและจะยังคงความสามารถในการทำกำไรไว้ได้แม้ในช่วงที่อุตสาหกรรมก่อสร้างภายในประเทศตกต่ำ อย่างไรก็ตาม หากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นจำนวนมากเพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่ๆ ทริสเรทติ้งอาจต้องมีการทบทวนเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2548 มีรายได้รวม 37,985 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 3 เท่าของรายได้รวมของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างอันดับสอง ธุรกิจของบริษัทแบ่งสายงานออกเป็น 9 ประเภท รวมทั้งมีสาขาในต่างประเทศ 2 แห่งในประเทศไต้หวันและฟิลิปปินส์ และมีบริษัทย่อยซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศอินเดีย บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากการให้บริการก่อสร้างแก่ภาครัฐในปัจจุบันและคาดว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต ถึงแม้ว่าโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการได้เลื่อนออกไปเนื่องจากปัจจัยด้านการเมือง แต่มูลค่าของงานในมือของบริษัทซึ่งยังไม่ส่งมอบยังคงเพิ่มสูงขึ้นจากจำนวน 41,397 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 เป็นจำนวน 81,941 ล้านบาท ณ เดือนพฤษภาคม 2549 โดยประมาณ 90% เป็นงานภาครัฐ และ 76% เป็นโครงการภายในประเทศ บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดี การมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน การประหยัดจากขนาดในการก่อสร้าง การมีวัตถุดิบสำคัญที่เพียงพอ การมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างที่หลากหลาย และการมีวิศวกรและแรงงานมีฝีมือเป็นจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่ก็มีผู้รับเหมารายใหญ่เพียงไม่กี่รายที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เบื้องต้นก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปสรรคในระดับสูงที่จะเข้าสู่ธุรกิจ ดังนั้นมูลค่าของงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายจึงยังคงเพิ่มขึ้นจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ดังกล่าวจึงน่าจะมีโอกาสที่จะชนะการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐในหลายโครงการซึ่งจะเปิดประมูลในช่วง 5 ปีข้างหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชนและโครงการก่อสร้างอาคารแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Building Project) น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ในระยะปานกลางเนื่องจากเป็นโครงการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ มีผลงานที่เป็นที่ยอมรับ และมีความพร้อมในด้านเครื่องจักรอยู่แล้ว นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการกระจายฐานรายได้ไปยังต่างประเทศน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับรายได้ในช่วงที่ตลาดภายในประเทศซบเซา
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายกิจการอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 25,350 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เป็น 48,663 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 โดยบริษัทใช้เงินทุนในการขยายกิจการจากการกู้ยืม ตลอดจนกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินได้จากการเพิ่มทุน นอกจากนี้ การที่บริษัทเข้าไปซื้อโครงการแร่โปแตชมูลค่า 2,789 ล้านบาทในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยใช้เงินกู้นั้นมีผลทำให้ภาระหนี้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 10,762 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2549 เป็น 13,645 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2549 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ เดือนมิถุนายน 2549 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้ยืมรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 อยู่ที่ 44.3% และ 8.11% ตามลำดับ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยจาก 7.2% ในปี 2548 มาอยู่ที่ 7.06% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 375 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้และอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนเงินกู้ระยะสั้นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวของบริษัทบางส่วนให้เป็นเงินกู้ระยะปานกลางอัตราดอกเบี้ยคงที่เพื่อที่จะบรรเทาปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานภาพในการแข่งขันในฐานะที่เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยได้ต่อไปและจะยังคงความสามารถในการทำกำไรไว้ได้แม้ในช่วงที่อุตสาหกรรมก่อสร้างภายในประเทศตกต่ำ อย่างไรก็ตาม หากสถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญอันเนื่องมาจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นจำนวนมากเพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่ๆ ทริสเรทติ้งอาจต้องมีการทบทวนเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์เป็นผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในปี 2548 มีรายได้รวม 37,985 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นเกือบ 3 เท่าของรายได้รวมของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างอันดับสอง ธุรกิจของบริษัทแบ่งสายงานออกเป็น 9 ประเภท รวมทั้งมีสาขาในต่างประเทศ 2 แห่งในประเทศไต้หวันและฟิลิปปินส์ และมีบริษัทย่อยซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างในประเทศอินเดีย บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากการให้บริการก่อสร้างแก่ภาครัฐในปัจจุบันและคาดว่าจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต ถึงแม้ว่าโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานขนาดใหญ่หลายโครงการได้เลื่อนออกไปเนื่องจากปัจจัยด้านการเมือง แต่มูลค่าของงานในมือของบริษัทซึ่งยังไม่ส่งมอบยังคงเพิ่มสูงขึ้นจากจำนวน 41,397 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2548 เป็นจำนวน 81,941 ล้านบาท ณ เดือนพฤษภาคม 2549 โดยประมาณ 90% เป็นงานภาครัฐ และ 76% เป็นโครงการภายในประเทศ บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดี การมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน การประหยัดจากขนาดในการก่อสร้าง การมีวัตถุดิบสำคัญที่เพียงพอ การมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ก่อสร้างที่หลากหลาย และการมีวิศวกรและแรงงานมีฝีมือเป็นจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้ว่าธุรกิจรับเหมาก่อสร้างจะมีผู้ประกอบการจำนวนมาก แต่ก็มีผู้รับเหมารายใหญ่เพียงไม่กี่รายที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์เบื้องต้นก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการประมูลโดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐซึ่งถือได้ว่าเป็นอุปสรรคในระดับสูงที่จะเข้าสู่ธุรกิจ ดังนั้นมูลค่าของงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบของผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายจึงยังคงเพิ่มขึ้นจากการมีผลงานที่เป็นที่ยอมรับและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ดังกล่าวจึงน่าจะมีโอกาสที่จะชนะการประมูลโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐในหลายโครงการซึ่งจะเปิดประมูลในช่วง 5 ปีข้างหน้า โครงการระบบขนส่งมวลชนและโครงการก่อสร้างอาคารแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Building Project) น่าจะเป็นส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ในระยะปานกลางเนื่องจากเป็นโครงการที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ มีผลงานที่เป็นที่ยอมรับ และมีความพร้อมในด้านเครื่องจักรอยู่แล้ว นอกจากนี้ กลยุทธ์ในการกระจายฐานรายได้ไปยังต่างประเทศน่าจะช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับรายได้ในช่วงที่ตลาดภายในประเทศซบเซา
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีการขยายกิจการอย่างรวดเร็ว สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 25,350 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2546 เป็น 48,663 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 โดยบริษัทใช้เงินทุนในการขยายกิจการจากการกู้ยืม ตลอดจนกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และเงินได้จากการเพิ่มทุน นอกจากนี้ การที่บริษัทเข้าไปซื้อโครงการแร่โปแตชมูลค่า 2,789 ล้านบาทในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาโดยใช้เงินกู้นั้นมีผลทำให้ภาระหนี้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 10,762 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2549 เป็น 13,645 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2549 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน ณ เดือนมิถุนายน 2549 และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้ยืมรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 อยู่ที่ 44.3% และ 8.11% ตามลำดับ อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยจาก 7.2% ในปี 2548 มาอยู่ที่ 7.06% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2549 โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 375 ล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเพิ่มสูงขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายที่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้และอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนเงินกู้ระยะสั้นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวของบริษัทบางส่วนให้เป็นเงินกู้ระยะปานกลางอัตราดอกเบี้ยคงที่เพื่อที่จะบรรเทาปัญหาอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2549 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว