บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนความสามารถในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้าง การบริหารการเงินที่รอบคอบ และผลงานที่เป็นที่ยอมรับในตลาดบ้านจัดสรรสำหรับผู้มีรายได้ปานกลางถึงต่ำ นอกจากนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงฐานะทางการเงินของบริษัทที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งจะส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ซบเซา รวมทั้งวงจรธุรกิจที่มีความผันผวน และนโยบายของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อบ้านกู้เงินได้ยากขึ้น
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะยังคงมีสภาพคล่องและความยืดหยุ่นในการหาแหล่งเงินทุนที่เพียงพอในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว ความสามารถของบริษัทในการกระตุ้นยอดขายในระยะปานกลาง รวมถึงความสามารถในการระบายสินค้าค้างสต๊อก การดำรงอัตราส่วนกำไรในระดับที่ยอมรับได้ และการคงอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เป็นผู้ประกอบการพัฒนาบ้านจัดสรรขนาดกลางที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2531 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนพฤศจิกายน 2545 นายทวีศักดิ์ วัชรรัคคาวงศ์และนายไชยยันต์ ชาครกุลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2551 มีสัดส่วนการถือหุ้นรวมกัน 63% บริษัทเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮ้าส์ โดยมีราคาเฉลี่ยในช่วงปี 2551 หลังละ 2.5 ล้านบาท ในช่วงปี 2550 จนถึง 9 เดือนแรกของปี 2551 รายได้ของบริษัทมาจากการขายบ้านเดี่ยวมากกว่า 50% ของรายได้รวม จากบ้านแฝดประมาณ 35% และจากทาวน์เฮ้าส์ประมาณ 8% ความสามารถในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการเสนอราคาขายบ้านที่ไม่แพงในขณะที่ยังมีอัตรากำไรที่ดี
แม้ว่าอุปสงค์ในตลาดบ้านจัดสรรยังคงชะลอตัว แต่รายได้รวมของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นเป็น 888 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 โดยเพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันของปี 2550 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากสถิติยอดขายที่ต่ำในปี 2550 ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลมาจากการประชาสัมพันธ์และประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการด้านภาษีของภาครัฐที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2551 นอกจากนี้ มาตรการด้านภาษีดังกล่าวยังช่วยให้บริษัทมีกำไรที่ดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายที่ 24.44% เพิ่มขึ้นจาก 19.38% ในปี 2550 ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทและการชะลอการลงทุนในการพัฒนาโครงการทำให้บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมเพิ่มขึ้นเป็น 62.28% (ยังไม่ได้ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2551 ซึ่งสูงกว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ค่อนข้างมาก บริษัทยังคงมีฐานะการเงินที่คล่องตัว โดย ณ สิ้นเดือนกันยายน 2551 มีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้ประมาณ 1,000 ล้านบาทและมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างต่ำที่ 7.11%
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนอันเป็นผลมาจากสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินของโลก แม้ในช่วงกลางปี 2551 อุปสงค์ของที่อยู่อาศัยจะกระเตื้องขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่บังคับใช้ในช่วงต้นปี แต่ในช่วงปลายปีก็หดตัวลงเนื่องจากปัจจัยลบหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อตลาดพร้อมๆ กัน ปัจจุบัน แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะยังคงส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์สำหรับที่อยู่อาศัยต่อไป นอกจากนี้ การที่ธนาคารหลายแห่งเริ่มมีนโยบายที่เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวก็ยิ่งเป็นการจำกัดความสามารถในการกู้ยืมของผู้ซื้อบ้าน แม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจล่าสุดจะช่วยให้ผู้ซื้อบ้านสามารถนำเงินซื้อบ้านในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ก็คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะปรับตัวลดลงประมาณ 10%-20% ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศซึ่งคาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 0%-2% หรืออาจหดตัวในปี 2552 ดังนั้นผู้ประกอบการควรต้องบริหารสภาพคล่องอย่างระมัดระวังและดำรงความยืดหยุ่นให้เพียงพอต่อภาระผูกพันต่างๆ ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ BBB แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2552 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว