บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกัน 850 ล้านบาท (PRK081A) ของ บริษัท พรีเมียร์ รีสอร์ท กระบี่ จำกัด ที่ระดับ "BB+" ในขณะเดียวกันได้ประกาศเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Stable" หรือ "คงที่" จาก "Negative" หรือ "ลบ" โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงการที่บริษัทมีแหล่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากโรงแรมหลักเพียงแห่งเดียวและสถานะทางการเงินที่อ่อนแอ อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงธรรมชาติของธุรกิจโรงแรมที่ขึ้นอยู่กับฤดูกาลและมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยภายนอกสูง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังมีปัจจัยสนับสนุนจากคุณภาพโรงแรมของบริษัทที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งจากการที่หุ้นกู้ของบริษัทมีหลักประกันที่เพียงพอและมีเงื่อนไขช่วยปกป้องกระแสเงินสดของผู้ถือหุ้นกู้
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนความคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทจะกลับคืนสู่ภาวะปกติและสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดของโรงแรมเอาไว้ได้ดังเดิม อย่างไรก็ตาม หากบริษัทมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงก็อาจมีการทบทวนอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทใหม่
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ท กระบี่ก่อตั้งในปี 2533 และดำเนินกิจการโรงแรมรายาวดีซึ่งเป็นโรงแรมระดับบนขนาด 104 ห้องที่จังหวัดกระบี่ตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทประกอบด้วยกลุ่มตระกูลพงศธรและโอสถานุเคราะห์ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 50.9% บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด 22.8% และ บริษัท ซี แฮริเออร์ จำกัด 26.3% ในเดือนพฤษภาคม 2548 บริษัททำการเพิ่มทุนจาก 262 ล้านบาทเป็น 329 ล้านบาทโดยการจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ์เพิ่มทุนจำนวน 6.67 ล้านหุ้นให้แก่กองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ โรงแรมรายาวดีตั้งอยู่ที่แหลมพระนาง จังหวัดกระบี่ โดยมีพื้นที่แวดล้อมด้วยเขาหินปูนและชายหาดในเขตอุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดี โรงแรมดังกล่าวบริหารงานโดยคณะผู้บริหารของบริษัททั้งหมดซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่ซึ่งร่วมงานกับบริษัทเมื่อปลายปี 2547 โดยผู้บริหารดังกล่าวเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ
ในปี 2548 โรงแรมมีผลการดำเนินงานถดถอยลงเนื่องจากผลกระทบจากวิบัติภัยสึนามิในเดือนธันวาคม 2547 เป็นหลัก โดยมีรายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ลดลงเหลือเพียง 2,248 บาทต่อคืนจากที่เคยอยู่ในช่วง 4,700-5,800 บาทต่อคืนในช่วง 5 ปีก่อนเนื่องจากผลของอัตราการเข้าพักที่ลดลงอย่างมาก กล่าวคือ อัตราการเข้าพักของโรงแรมลดลงจาก 31.1% ในปี 2547 เหลือ 15.9% ในปี 2548 ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคืนลดลงจาก 18,371 บาทต่อคืนเป็น 14,118 บาทต่อคืน ดังนั้น เพื่อที่จะกระจายแหล่งที่มาของแหล่งรายได้ ในเดือนเมษายน 2548 บริษัท รายา เฮริเทจ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 99.4% โดยบริษัท จึงได้ซื้อกิจการโรงแรมแทมมาริน วิลเลจ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมประเภทบูติคจำนวน 40 ห้องโดยบริษัทมีแผนจะปรับปรุงให้เป็นโรงแรมระดับบน ทั้งนี้ คาดว่าโรงแรมแห่งใหม่ดังกล่าวจะเริ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในปี 2549 แต่สัดส่วนของรายได้จากโรงแรมแห่งนี้ต่อรายได้รวมของบริษัทยังคงต่ำอยู่
เนื่องจากบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากโรงแรมรายาวดี ดังนั้น การลดลงของอัตราเข้าพักของโรงแรมจึงมีผลกระทบในด้านลบเป็นอย่างมากต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ในปี 2548 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพียง 157 ล้านบาท ซึ่งลดลง 52% จากปี 2547 และมีอัตราส่วนในการทำกำไรติดลบ การลงทุนในโรงแรมแทมมาริน วิลเลจจะช่วยกระจายแหล่งรายได้ให้แก่บริษัทได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม การลงทุนดังกล่าวมีผลทำให้ระดับหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2547 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 50.31% เป็น 50.05% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 และคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนความคาดหวังว่าผลประกอบการของบริษัทจะกลับคืนสู่ภาวะปกติและสามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดของโรงแรมเอาไว้ได้ดังเดิม อย่างไรก็ตาม หากบริษัทมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ หรือสินทรัพย์อื่นๆ ที่อาจทำให้สถานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงก็อาจมีการทบทวนอันดับเครดิตและแนวโน้มอันดับเครดิตหุ้นกู้ของบริษัทใหม่
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทพรีเมียร์ รีสอร์ท กระบี่ก่อตั้งในปี 2533 และดำเนินกิจการโรงแรมรายาวดีซึ่งเป็นโรงแรมระดับบนขนาด 104 ห้องที่จังหวัดกระบี่ตั้งแต่ปี 2536 ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทประกอบด้วยกลุ่มตระกูลพงศธรและโอสถานุเคราะห์ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 50.9% บริษัท พรีเมียร์ ฟิชชั่น แคปปิตอล จำกัด 22.8% และ บริษัท ซี แฮริเออร์ จำกัด 26.3% ในเดือนพฤษภาคม 2548 บริษัททำการเพิ่มทุนจาก 262 ล้านบาทเป็น 329 ล้านบาทโดยการจำหน่ายหุ้นบุริมสิทธิ์เพิ่มทุนจำนวน 6.67 ล้านหุ้นให้แก่กองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ โรงแรมรายาวดีตั้งอยู่ที่แหลมพระนาง จังหวัดกระบี่ โดยมีพื้นที่แวดล้อมด้วยเขาหินปูนและชายหาดในเขตอุทยานแห่งชาติ 3 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดี โรงแรมดังกล่าวบริหารงานโดยคณะผู้บริหารของบริษัททั้งหมดซึ่งรวมถึงผู้บริหารระดับสูงชุดใหม่ซึ่งร่วมงานกับบริษัทเมื่อปลายปี 2547 โดยผู้บริหารดังกล่าวเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ยาวนานในธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศ
ในปี 2548 โรงแรมมีผลการดำเนินงานถดถอยลงเนื่องจากผลกระทบจากวิบัติภัยสึนามิในเดือนธันวาคม 2547 เป็นหลัก โดยมีรายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่ลดลงเหลือเพียง 2,248 บาทต่อคืนจากที่เคยอยู่ในช่วง 4,700-5,800 บาทต่อคืนในช่วง 5 ปีก่อนเนื่องจากผลของอัตราการเข้าพักที่ลดลงอย่างมาก กล่าวคือ อัตราการเข้าพักของโรงแรมลดลงจาก 31.1% ในปี 2547 เหลือ 15.9% ในปี 2548 ในขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อคืนลดลงจาก 18,371 บาทต่อคืนเป็น 14,118 บาทต่อคืน ดังนั้น เพื่อที่จะกระจายแหล่งที่มาของแหล่งรายได้ ในเดือนเมษายน 2548 บริษัท รายา เฮริเทจ จำกัด ซึ่งถือหุ้น 99.4% โดยบริษัท จึงได้ซื้อกิจการโรงแรมแทมมาริน วิลเลจ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงแรมประเภทบูติคจำนวน 40 ห้องโดยบริษัทมีแผนจะปรับปรุงให้เป็นโรงแรมระดับบน ทั้งนี้ คาดว่าโรงแรมแห่งใหม่ดังกล่าวจะเริ่มสร้างรายได้ให้แก่บริษัทในปี 2549 แต่สัดส่วนของรายได้จากโรงแรมแห่งนี้ต่อรายได้รวมของบริษัทยังคงต่ำอยู่
เนื่องจากบริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่จากโรงแรมรายาวดี ดังนั้น การลดลงของอัตราเข้าพักของโรงแรมจึงมีผลกระทบในด้านลบเป็นอย่างมากต่อสถานะทางการเงินของบริษัท ในปี 2548 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเพียง 157 ล้านบาท ซึ่งลดลง 52% จากปี 2547 และมีอัตราส่วนในการทำกำไรติดลบ การลงทุนในโรงแรมแทมมาริน วิลเลจจะช่วยกระจายแหล่งรายได้ให้แก่บริษัทได้บางส่วน อย่างไรก็ตาม การลงทุนดังกล่าวมีผลทำให้ระดับหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2547 บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 50.31% เป็น 50.05% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2548 และคาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะยังไม่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ