ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ “บ. ควอลิตี้ เฮ้าส์” ที่ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Negative”

ข่าวทั่วไป Thursday July 2, 2009 10:02 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดเดิมของ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” เช่นกัน โดยแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Negative” หรือ “ลบ” อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่ได้รับการยอมรับมานานในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดบ้านจัดสรรราคาระดับกลางถึงสูง และการมีแหล่งรายได้ที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์และอาคารสำนักงาน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งจะส่งผลกระทบให้อุปสงค์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซบเซา รวมทั้งวงจรธุรกิจที่มีความผันผวน นโยบายของธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อซึ่งจะทำให้ผู้ซื้อบ้านกู้เงินได้ยากขึ้น การขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในช่วงเศรษฐกิจซบเซา และการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้ที่ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความคล่องตัวทางการเงินจากการถือครองเงินลงทุนในบริษัทร่วมและสินทรัพย์ให้เช่าซึ่งปลอดภาระหนี้และสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทในยามจำเป็นด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative” หรือ “ลบ” สะท้อนถึงการที่บริษัทมีอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงเกินคาดเนื่องจากความต้องการที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงและบริษัทใช้เงินลงทุนจำนวนมากในการซื้อที่ดินและก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งนี้ อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงในอนาคตหากผลการดำเนินงานของบริษัทอ่อนตัวลงอีกในอนาคตและบริษัทไม่สามารถลดภาระหนี้สินได้ตามที่วางแผนไว้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ เป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในตลาดระดับกลางและระดับบน บริษัทก่อตั้งในปี 2526 โดย บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ณ เดือนเมษายน 2552 ประกอบด้วยบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ร่วมกับตระกูลอัศวโภคิน (25%) และ The Government of Singapore Investment Corporation Pte. Ltd. (11%) ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากการมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดที่อยู่อาศัยราคาแพง รวมถึงการมีอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าที่มีคุณภาพซึ่งประกอบด้วยอาคารสำนักงาน Q. House และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ Centrepoint ซึ่งสามารถสร้างรายได้ค่าเช่าที่มีความสม่ำเสมอ และการมีโครงการบ้านจัดสรรราคาปานกลาง Casa Ville ซึ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น ราคาขายที่อยู่อาศัยเฉลี่ยต่อหน่วยในโครงการทั้งหมดของบริษัทซึ่งลดลงมาอยู่ที่ 6.8 ล้านบาทแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางมากขึ้น ณ เดือนมีนาคม 2552 บริษัทมีโครงการที่กำลังเปิดขายทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์รวมทั้งสิ้น 22 โครงการ คิดเป็นมูลค่าขายคงเหลือประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยบริษัทมียอดขายโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 90% ของรายได้รวมจากการดำเนินงานปี 2551 ในขณะที่รายได้ค่าเช่าในโครงการอาคารสำนักงานและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์คิดเป็นประมาณ 10%

บริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม 1 แห่งในไตรมาสที่ 2 ของปี 2552 และมีแผนจะเปิดอีก 1 โครงการในช่วงปลายปี 2552 ทั้งสองโครงการซึ่งมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 5,600 ล้านบาทอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2552 ถึงปี 2553 ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการทั้ง 2 แห่งในช่วงปี 2553-2554 เมื่อเทียบกับคู่แข่งแล้ว บริษัทมีประเภทของสินทรัพย์ที่แตกต่างออกไปเนื่องจาก 1 ใน 4 ของสินทรัพย์เป็นสินทรัพย์ให้เช่าและเงินลงทุนในบริษัทร่วม โดยสินทรัพย์ให้เช่านอกจากจะสร้างเสถียรภาพจากการมีรายได้ค่าเช่าที่สม่ำเสมอและเงินสดรับที่แน่นอนแล้ว ยังช่วยเสริมความคล่องตัวทางการเงินด้วยเนื่องจากบริษัทสามารถขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ นอกจากนี้ เงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 4 แห่งซึ่ง 3 แห่งเป็นหลักทรัพย์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอีก 1 แห่งอยู่ในแผนการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นจะช่วยให้บริษัทมีรายได้จากเงินปันผลในระยะสั้นและส่งเสริมสภาพคล่องให้แก่บริษัทในระยะยาว

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทควอลิตี้ เฮ้าส์ในช่วงปี 2551 จนถึง 3 เดือนแรกของปี 2552 ว่าค่อนข้างทรงตัว โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 4% เป็น 10,620 ล้านบาทในปี 2552 แต่ลดลงถึง 6% เป็น 2,212 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2552 แม้ว่าประโยชน์ด้านภาษีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะช่วยผู้ประกอบการประหยัดต้นทุนได้มากถึง 4% ของราคาที่อยู่อาศัยจากการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและค่าธรรมเนียมการโอน แต่บริษัทก็มีกำไรเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มเป็น 21% ในปี 2551 และเป็น 19% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 จาก 18% ในปี 2550 สืบเนื่องจากการที่บริษัทลงทุนเป็นอย่างมากในอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในปี 2551 ทำให้ยอดเงินกู้คงเหลือของบริษัทเพิ่มขึ้นเนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไม่เพียงพอต่อการลงทุนจำนวนมากดังกล่าว บริษัทจึงเริ่มลดสินค้าคงเหลือโดยตั้งเป้าอัตราการหมุนเวียนของสินค้าจาก 3 เดือนให้เหลือเพียง 1 เดือน เงินกู้ของบริษัทเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 15,000 ล้านบาทระหว่างปลายปี 2551 ถึงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2552 จากระดับ 12,638 ล้านบาท ณ ปลายปี 2550 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับ 56%-57% มากนักในช่วงปลายปี 2551 จนถึงสิ้นไตรมาสแรกของปี 2552 สาเหตุส่วนหนึ่งเนื่องจากมีเงินเพิ่มทุน 1,382 ล้านบาทจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิซึ่งช่วยทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ สถานะสภาพคล่องของบริษัทได้รับแรงหนุนทั้งจากวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกอีกประมาณ 7,900 ล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2552 และจากความสามารถในการระดมทุนในตลาดทุน โดยคาดว่าระดับเงินกู้จะค่อยๆ ลดลงภายหลังจากการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 แห่งแล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2553

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ภาวะของตลาดที่อยู่อาศัยในปีที่ผ่านมาค่อนข้างผันผวนอันเป็นผลมาจากความไม่มั่นคงของการเมืองในประเทศและวิกฤติการณ์ทางการเงินทั่วโลก แม้ว่ามาตรการด้านภาษีซึ่งอนุญาตให้ผู้ซื้อบ้านสามารถนำเงินซื้อบ้านในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ก็คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจและจะหดตัวในปี 2552 ดังนั้น ผู้ประกอบการควรต้องบริหารสภาพคล่องอย่างระมัดระวังและดำรงความยืดหยุ่นทางการเงินให้เพียงพอต่อภาระผูกพันทางการเงินต่างๆ ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวเพื่อที่จะดำรงสถานะอันดับเครดิตเอาไว้ -- จบ

บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH)
อันดับเครดิตองค์กร:                                        คงเดิมที่ A-
อันดับเครดิตราสารหนี้:
QH097A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552           คงเดิมที่ A-
QH09DA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552           คงเดิมที่ A-
QH107A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553           คงเดิมที่ A-
QH10NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553           คงเดิมที่ A-
QH113A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,400 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554           คงเดิมที่ A-
QH11OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554           คงเดิมที่ A-
QH123A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555             คงเดิมที่ A-
QH123B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555           คงเดิมที่ A-
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2555  A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:                                       Negative (ลบ)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2552 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ   แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ  ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน  บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ