ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ชุดใหม่ “บ. บัตรกรุงไทย” ที่ “BBB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Tuesday July 21, 2009 08:19 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาทของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันก็ประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระหนี้เดิมที่จะครบกำหนด อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนความสามารถของคณะผู้บริหาร ตลอดจนระบบการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถดำรงสถานภาพการเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิต ในการให้อันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงการสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากผู้ถือหุ้นใหญ่คือธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ถือหุ้นในสัดส่วน 49.45% ณ วันที่ 2 เมษายน 2552 อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ตลอดจนปัจจัยทางธุรกิจที่ไม่เอื้ออำนวย และความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อ คุณภาพสินทรัพย์ และความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทางธุรกิจและการเงินอย่างเต็มที่จากธนาคารกรุงไทยต่อไป นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของบริษัทในการเข้าไประดมทุนในตลาดทุน รวมถึงการที่บริษัทยังคงมีแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินหลายแห่ง และยังคงนโยบายด้านสินเชื่ออย่างระมัดระวังต่อไป อย่างไรก็ตาม หากผลประกอบการของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่คาดการณ์ก็อาจส่งผลกระทบในทางลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทบัตรกรุงไทยมีสภาพคล่องในระยะสั้นที่ดีขึ้นหลังจากที่บริษัทสามารถออกหุ้นกู้ระยะยาวได้รวมมูลค่า 4,680 ล้านบาทในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 2552 โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 บริษัทมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารกรุงไทยจำนวน 15,130 ล้านบาทและจากสถาบันการเงินอื่นๆ อีก 2,510 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2552 ที่มีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทยเหลือเพียง 3,200 ล้านบาทและจากสถาบันการเงินอื่นๆ อีก 2,960 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงไทยมีข้อจำกัดจากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทยว่าด้วยการกำกับดูแลสถาบันการเงินแบบรวมกลุ่ม และการจัดสรรวงเงินให้แก่บริษัทที่อยู่ภายใต้การกำกับแบบรวมกลุ่มของธนาคารกรุงไทยในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของธนาคารเป็นสำคัญ

บริษัทยังคงสามารถรักษาสถานะผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิตได้อย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดของจำนวนบัตรที่ 12.4% ณ เดือนมีนาคม 2552 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 12.7% ณ เดือนธันวาคม 2551 อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของบริษัทมีนโยบายบริหารงบดุลการเงินด้วยความระมัดระวังยิ่งขึ้นซึ่งเหมาะสมกับสถานการณ์ที่อยู่ภายใต้ความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอกและความไม่แน่นอนของแหล่งเงินทุนในตลาดทุน ดังนั้น ยอดสินเชื่อคงค้างของบริษัทจึงมีโอกาสที่จะไม่เติบโตหรือลดลงได้ในปี 2552 นอกจากนี้ การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ดีจึงเป็นสิ่งท้าทายสำคัญสำหรับบริษัทในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และเพื่อจะลดระดับการถดถอยของคุณภาพสินทรัพย์ ผู้บริหารของบริษัทจึงได้ดำเนินมาตรการป้องกันหลายประการในปี 2551 ได้แก่ การใช้เกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อและนโยบายการจัดเก็บหนี้ที่เข็มงวดขึ้น และมีแผนในการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรในกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น

ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 บริษัทมียอดรวมสินเชื่อคงค้างจำนวน 49,232 ล้านบาท ลดลง 2.7% จาก 50,587 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2551 โดยยอดสินเชื่อคงค้างดังกล่าวประกอบด้วยสินเชื่อจากบัตรเครดิต 72% สินเชื่อส่วนบุคคล 25% สินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย 2% และสินเชื่อธนวัฎบัตรเครดิตอีก 1% นอกจากนี้ บริษัทได้ประกาศกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกของปี 2552 จำนวน 101 ล้านบาท ลดลงมากกว่า 50% ในช่วงเดียวกันของปี 2551 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ รวมถึงการที่บริษัทมีรายได้พิเศษจำนวน 114 ล้านบาทจากบริษัท VISA Inc. ในปี 2551 เป็นสำคัญ ซึ่งค่าใช้จ่ายจากการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจะเพิ่มเป็น 1,068 ล้านบาทในปี 2552 จาก 742 ล้านบาทในปี 2551 ดังนั้นหากไม่นับรวมรายได้พิเศษแล้ว อัตราส่วนในการทำกำไรจึงลดลงเล็กน้อย โดยอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.2% และ 1.6% ตามลำดับสำหรับไตรมาสแรกของปี 2552 เทียบกับระดับ 0.3% และ 2.3% ในช่วงเดียวกันของปี 2551

อัตราสินเชื่อค้างชำระของบริษัทอยู่ในระดับที่ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สูญตัดบัญชีสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 อัตราสินเชื่อค้างชำระ (เกิน 90 วัน) ของบริษัทมีสัดส่วน 4.1% ซึ่งลดลงเล็กน้อยจาก 4.2% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2551 แต่อัตราส่วนหนี้สูญตัดบัญชีสุทธิกลับเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ในปี 2550 เป็น 6.3% ในปี 2551 และ 1.9% สำหรับไตรมาสแรกของปี 2552 (ยังไม่ได้ปรับเป็นตัวเลขเต็มปี) อัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3.84% ณ สิ้นปี 2550 เป็น 4.26% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2552 ซึ่งค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการถดถอยลงของคุณภาพสินทรัพย์และเกณฑ์การตั้งสำรองสำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลที่เข้มงวดขึ้น โดยตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2550 เกณฑ์การตั้งสำรองคำนวณจากค่าสถิติความสูญเสียที่เกิดขึ้นจริงย้อนหลัง 3 ปีบวกกับค่าความเสี่ยงในอนาคตที่สะท้อนถึงภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ตั้งสำรองในอัตรา 2% ของยอดสินเชื่อที่ค้างชำระน้อยกว่า 180 วัน ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC)
อันดับเครดิตองค์กร:                                                  คงเดิมที่ BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KTC09OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2552                    คงเดิมที่ BBB+
KTC102A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553                    คงเดิมที่ BBB+
KTC104A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553                    คงเดิมที่ BBB+
KTC106A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553                    คงเดิมที่ BBB+
KTC113A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554                    คงเดิมที่ BBB+
KTC115A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 680 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554                      คงเดิมที่ BBB+
KTC126A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2555                    คงเดิมที่ BBB+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 320 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2555              BBB+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2557           BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต:                                                 Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2552 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ   แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ  ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน  บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ