บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ "A-" จากเดิมที่ "BBB+" พร้อมทั้งปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาทของบริษัทเป็นระดับ "BBB+" จากเดิมที่ระดับ "BBB" พร้อมแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" อันดับเครดิตสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดผู้ประกอบการขนส่งทางเรือระดับภูมิภาคอันเนื่องมาจากความได้เปรียบในเรื่องขนาดของกองเรือ ความถี่ในการให้บริการ และอายุเฉลี่ยของกองเรือ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของคณะผู้บริหารและแนวโน้มของความต้องการการขนส่งสินค้าทางทะเลโดยใช้ตู้สินค้าหรือตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ความผันผวนของธุรกิจขนส่งทางเรือ การแข่งขันที่รุนแรง และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทที่ค่อนข้างสูงซึ่งเป็นลักษณะของธุรกิจที่ใช้ทุนสูง การที่เรือส่วนใหญ่ของบริษัทอยู่ภายใต้ภาระจำนองกับเจ้าหนี้มีผลทำให้อันดับเครดิตตราสารหนี้ต่ำกว่าอันดับเครดิตของบริษัท 1 ขั้น
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" อยู่บนพื้นฐานที่บริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดเอาไว้ได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ผู้บริหารของบริษัทจะรักษาวินัยในการบริหารกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินธุรกิจสำหรับการขยายกิจการและจ่ายเงินปันผลด้วย
ทริสเรทติ้งรายงานว่า จากการศึกษาของ Containerisation International โดยเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการทั่วโลกแล้ว บริษัทอาร์ซีแอล จัดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งทางเรือ 40 รายที่มีขนาดกองเรือที่ใหญ่ที่สุดโดยพิจารณาจากจำนวนของเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและที่มีการเช่าระวาง บริษัทมีเรือของตนเองจำนวน 27 ลำ และมีเรือที่บริษัทเช่าระวาง 13 ลำ รวมปริมาณบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสิ้น 40,731 ตู้ (TEU) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกองเรือคอนเทนเนอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้สั่งซื้อเรือใหม่เพิ่มอีก 6 ลำโดยจะส่งมอบภายในปี 2548 ซึ่งจะทำให้มีระวางบรรทุกเพิ่มขึ้นอีก 13,668 ตู้ จากข้อมูลทางสถิติของการท่าเรือสิงคโปร์และตัวแทนในท้องถิ่นของบริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดสำหรับเรือฟีดเดอร์ (Feeder) หรือเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็กระหว่างท่าเรือย่อยกับเรือเดินสมุทรในเส้นทางสิงคโปร์กับฟิลิปปินส์ กับมาเลเซีย และกับไทย การที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในระดับสูงเป็นผลมาจากความถี่ของการให้บริการต่อสัปดาห์และขนาดของกองเรือโดยเฉลี่ยที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทอาร์ซีแอล มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งจากการมีกองเรือเป็นของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการจัดตารางเวลาและมีความถี่ในการให้บริการสูง เรือส่วนใหญ่ของบริษัทมีอายุน้อยโดยต่ำกว่าอายุเฉลี่ยของเรือของผู้ประกอบการอื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อเรือใหม่ประมาณ 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเรือใหม่มีความได้เปรียบในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและใช้แรงงานน้อยกว่า เนื่องจากการลงทุนที่สูงในการซื้อเรือใหม่ทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 46.5% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29%-37% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากบริษัทสามารถระดมเงินจากกระแสเงินสดภายในได้ในช่วงที่ตลาดแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในปี 2547-2548 นอกจากนี้ คณะผู้บริหารของบริษัทโดยเฉพาะผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นคนไทยก็มีประสบการณ์ยาวนานในการบริหารกิจการเดินเรือมาตั้งแต่ปี 2516 ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกอบด้วยชาวไทย ชาวสิงคโปร์ และชาวฮ่องกงที่มีประสบการณ์ยาวนานในสายการเดินเรือระดับโลก นอกเหนือจากธุรกิจดั้งเดิมคือการบริการขนส่งตู้สินค้าให้แก่เรือเดินสมุทร (Shipper-Owned-Containers -- SOC) แล้ว บริษัทยังได้ขยายธุรกิจไปสู่บริการขนส่งตู้สินค้าโดยใช้ตู้สินค้าของตนเอง (Carrier-Owned-Containers -- COC) ธุรกิจ SOC ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกและการตัดสินใจของผู้ประกอบการเรือเดินสมุทร (Main Line Operator) ในขณะที่ธุรกิจ COC จะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ
ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีลักษณะเป็นวงจรที่ขึ้นและลงเป็นอย่างมากซึ่งจะกินเวลารอบละประมาณ 5-6 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ เริ่มมีรอบเวลาสั้นลง อัตราค่าระวางมีความผันผวนและเป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะกำหนดเวลาในการสั่งต่อเรือใหม่ให้พอดีกับช่วงขาขึ้นของธุรกิจ อุปสงค์ของธุรกิจการเดินเรือจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและการค้า โดยที่ภาวะเศรษฐกิจและการค้าของโลกจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ SOC ในขณะที่การค้าภายในภูมิภาคเอเซียจะมีผลมากต่อธุรกิจ COC ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" อยู่บนพื้นฐานที่บริษัทจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำตลาดเอาไว้ได้ นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ผู้บริหารของบริษัทจะรักษาวินัยในการบริหารกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินธุรกิจสำหรับการขยายกิจการและจ่ายเงินปันผลด้วย
ทริสเรทติ้งรายงานว่า จากการศึกษาของ Containerisation International โดยเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการทั่วโลกแล้ว บริษัทอาร์ซีแอล จัดอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งทางเรือ 40 รายที่มีขนาดกองเรือที่ใหญ่ที่สุดโดยพิจารณาจากจำนวนของเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและที่มีการเช่าระวาง บริษัทมีเรือของตนเองจำนวน 27 ลำ และมีเรือที่บริษัทเช่าระวาง 13 ลำ รวมปริมาณบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสิ้น 40,731 ตู้ (TEU) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในกองเรือคอนเทนเนอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้สั่งซื้อเรือใหม่เพิ่มอีก 6 ลำโดยจะส่งมอบภายในปี 2548 ซึ่งจะทำให้มีระวางบรรทุกเพิ่มขึ้นอีก 13,668 ตู้ จากข้อมูลทางสถิติของการท่าเรือสิงคโปร์และตัวแทนในท้องถิ่นของบริษัท บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดสำหรับเรือฟีดเดอร์ (Feeder) หรือเรือขนส่งสินค้าขนาดเล็กระหว่างท่าเรือย่อยกับเรือเดินสมุทรในเส้นทางสิงคโปร์กับฟิลิปปินส์ กับมาเลเซีย และกับไทย การที่บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในระดับสูงเป็นผลมาจากความถี่ของการให้บริการต่อสัปดาห์และขนาดของกองเรือโดยเฉลี่ยที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถขนส่งสินค้าได้เป็นจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทอาร์ซีแอล มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งจากการมีกองเรือเป็นของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้ง่ายต่อการจัดตารางเวลาและมีความถี่ในการให้บริการสูง เรือส่วนใหญ่ของบริษัทมีอายุน้อยโดยต่ำกว่าอายุเฉลี่ยของเรือของผู้ประกอบการอื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อเรือใหม่ประมาณ 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเรือใหม่มีความได้เปรียบในเรื่องของการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและใช้แรงงานน้อยกว่า เนื่องจากการลงทุนที่สูงในการซื้อเรือใหม่ทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 46.5% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2548 อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29%-37% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าซึ่งดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากบริษัทสามารถระดมเงินจากกระแสเงินสดภายในได้ในช่วงที่ตลาดแข็งแกร่งเป็นอย่างมากในปี 2547-2548 นอกจากนี้ คณะผู้บริหารของบริษัทโดยเฉพาะผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นคนไทยก็มีประสบการณ์ยาวนานในการบริหารกิจการเดินเรือมาตั้งแต่ปี 2516 ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทประกอบด้วยชาวไทย ชาวสิงคโปร์ และชาวฮ่องกงที่มีประสบการณ์ยาวนานในสายการเดินเรือระดับโลก นอกเหนือจากธุรกิจดั้งเดิมคือการบริการขนส่งตู้สินค้าให้แก่เรือเดินสมุทร (Shipper-Owned-Containers -- SOC) แล้ว บริษัทยังได้ขยายธุรกิจไปสู่บริการขนส่งตู้สินค้าโดยใช้ตู้สินค้าของตนเอง (Carrier-Owned-Containers -- COC) ธุรกิจ SOC ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลกและการตัดสินใจของผู้ประกอบการเรือเดินสมุทร (Main Line Operator) ในขณะที่ธุรกิจ COC จะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคและลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในหลากหลายธุรกิจ
ธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือมีลักษณะเป็นวงจรที่ขึ้นและลงเป็นอย่างมากซึ่งจะกินเวลารอบละประมาณ 5-6 ปี อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังๆ เริ่มมีรอบเวลาสั้นลง อัตราค่าระวางมีความผันผวนและเป็นเรื่องยากที่ผู้ประกอบการจะกำหนดเวลาในการสั่งต่อเรือใหม่ให้พอดีกับช่วงขาขึ้นของธุรกิจ อุปสงค์ของธุรกิจการเดินเรือจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและการค้า โดยที่ภาวะเศรษฐกิจและการค้าของโลกจะมีผลกระทบต่อธุรกิจ SOC ในขณะที่การค้าภายในภูมิภาคเอเซียจะมีผลมากต่อธุรกิจ COC ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ