บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A” ด้วยเช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนฐานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งซึ่งลงทุนในกลุ่มธนชาต ตลอดจนอำนาจการบริหารงานในธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ผ่านการถือหุ้น 50.92% และผลตอบแทนในรูปของเงินปันผลที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอจากธนาคารธนชาต ในการให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ เครือข่ายสาขาและการกระจายตัวทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ระบบการบริหารความเสี่ยงที่ได้มาตรฐาน ฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงการสนับสนุนทางด้านธุรกิจและเงินทุนจากพันธมิตร คือ Bank of Nova Scotia (BNS) อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวยังมีข้อจำกัดจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง และความไม่แน่นอนของธุรกิจการธนาคาร เช่าซื้อ และหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวอาจจำกัดความสามารถในการทำกำไรและโอกาสในการขยายตัวทางธุรกิจของกลุ่มในอนาคต ทั้งนี้ หากบริษัทสามารถชนะประมูลการซื้อกิจการของธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อขยายธุรกิจได้ก็จะเป็นพัฒนาการที่สำคัญของบริษัทในอนาคตอันใกล้
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายที่บริษัทจะมีรายได้จากเงินปันผลที่สม่ำเสมอจากธนาคาร ธนชาตซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของบริษัท นอกจากนี้ การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในด้านการเงินและความรู้ในการประกอบธุรกิจจากพันธมิตรธุรกิจซึ่งได้แก่ BNS และบริษัทจะช่วยส่งเสริมศักยภาพในการดำเนินงานโดยรวมให้แก่ธนาคาร ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทคาดว่าจะดีขึ้นในอนาคต การเติบโตในอนาคตทั้งจากการขยายธุรกิจตามปกติ หรือการซื้อกิจการ หรือการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับ BNS นั้นมีความเป็นไปได้ ในขณะที่การมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งและสภาพคล่องที่เพียงพอนับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนในอนาคต
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ เดือนกันยายน 2552 เมื่อพิจารณาจากผลประกอบการของกลุ่มธนชาตและรายได้จากการดำเนินธุรกิจปกติ (ที่ไม่รวมรายได้พิเศษจากการขายหุ้นของธนาคารธนชาตให้แก่ BNS) บริษัททุนธนชาตมีรายได้รวมจำนวน 25,763 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 42% จากจำนวน 18,098 ล้านบาท ณ เมื่อเดือนกันยายน 2551 บริษัทมีรายได้จากธนาคารธนชาตในสัดส่วนสูงถึง 57.4% ของรายได้รวมจากธนาคารส่วนอีก 37.7% มาจากธุรกิจประกันภัย และที่เหลือมาจากธุรกิจหลักของบริษัทและบริษัทบริหารสินทรัพย์ 2 แห่ง คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ แม๊กซ์ จำกัด และบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็น เอฟ เอส จำกัด รายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์และธุรกิจจัดการกองทุนคิดเป็นสัดส่วน 2.8% ของรายได้รวมของบริษัท เมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์ตามงบการเงินรวม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2552 แล้ว บริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ทั้ง 12 แห่งของไทย ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดด้านสินเชื่อและเงินฝากที่ 4.9% บริษัทได้พัฒนาคณะผู้บริหารที่มีประสิทธิภาพจนสามารถสนับสนุนให้บริษัทลูกมีความสามารถในการแข่งขันเป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและภาวะแวดล้อมทางธุรกิจ ระบบบริหารความเสี่ยงของบริษัทและบริษัทในกลุ่มได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล อย่างไรก็ตาม คาดว่าความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจธนาคารจะเป็นอุปสรรคต่อการขยายธุรกิจและทำกำไรของทั้งธนาคารธนชาตและบริษัทในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ปัจจุบันธนาคารธนชาตดำเนินธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ ในเดือนกรกฎาคม 2550 บริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ BNS เพื่อลงทุนในธนาคารธนชาต มีผลทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของธนาคารเปลี่ยนแปลงไป โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารธนชาตลดลงจาก 99.36% เหลือ 74.92% ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2550 และ BNS ถือหุ้น 24.98% ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 บริษัทได้ขายหุ้นสามัญในธนาคารธนชาตเพิ่มให้แก่ BNS ตามข้อตกลงการถือหุ้นจำนวน 416,526,737 หุ้น ที่ราคา 18.38 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 1.6 เท่าของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิต่อหุ้น รวมมูลค่า 7,656 ล้านบาท โดยบริษัทบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนเท่ากับ 2,800 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าวทำให้ BNS มีสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารธนชาตเพิ่มขึ้นเป็น 48.99% ในขณะที่บริษัทมีสัดส่วน 50.92%
ธนาคารธนชาตมีฐานรายได้ที่สมดุลย์ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ โดยมีรายได้ดอกเบี้ยในสัดส่วน 59% ของรายได้รวมซึ่งส่วนใหญ่มาจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยนั้น ธนาคารมีรายได้จากธุรกิจประกันภัยในสัดส่วนมากที่สุดโดยมีรายได้สุทธิจากการรับประกันภัย/ประกันชีวิตในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 จำนวน 1,396 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.4% ของกำไรก่อนภาษีของบริษัททุนธนชาต ซึ่งรายได้ดังกล่าวช่วยให้ธนาคารสามารถคงระดับความสามารถในการทำกำไรและขยายฐานเงินทุนในระยะยาว ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ
อันดับเครดิตองค์กร: คงเดิมที่ A อันดับเครดิตตราสารหนี้: TCAP103A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A TCAP105A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2553 คงเดิมที่ A TCAP11NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2554 คงเดิมที่ A TCAP14NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 9,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 คงเดิมที่ A หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 A แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว