ทริสเรทติ้งลดอันดับเครดิตองค์กร “บ. เนชั่นแนลเพาเวอร์ซัพพลาย” เป็น “BBB” จาก “BBB+”

ข่าวทั่วไป Friday January 8, 2010 14:21 —ทริส เรตติ้ง

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงมีกระแสเงินสดที่แน่นอนจากโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และคาดว่าการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ที่แล้วเสร็จและมาตรการซ่อมบำรุงก่อนเกิดปัญหาจะทำให้การเดินเครื่องโรงไฟฟ้ามีเสถียรภาพมากขึ้น ภาระการลงทุนจำนวนมากและความกดดันด้านเงินทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะได้รับการบรรเทาจากเงินเพิ่มทุนที่ได้รับจากผู้ร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่

ทริสเรทติ้งรายงานว่าบริษัทเนชั่นแนลเพาเวอร์ซัพพลายเป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงชีวมวลในประเทศไทย โดยปัจจุบันเป็นผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้าชีวมวลจำนวน 2 โรง ด้วยกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 328 เมกะวัตต์ภายใต้โครงการ SPP ในฐานะเป็นบริษัทหลักในธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม AA และมีประสบการณ์สูงในการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าชีวมวล บริษัทจึงได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการ SPP หลายโรงและโครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer -- IPP) 1 โรง ปัจจุบันบริษัทมีแผนพัฒนาโรงไฟฟ้าแห่งใหม่และซื้อโรงไฟฟ้าในกลุ่ม รวมกำลังการผลิต 1,175 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าของบริษัทตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม 304 ของกลุ่ม AA นอกจากนี้ กลุ่ม AA ยังเป็นผู้ให้บริการซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า เป็นผู้จัดหาเชื้อเพลิงชีวมวล เช่น แกลบ ชิ้นไม้สับ และเปลือกไม้ และเป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท โรงไฟฟ้าของบริษัทได้รับการออกแบบให้ใช้เชื้อเพลิงผสมระหว่างถ่านหินและชีวมวลซึ่งส่งผลให้บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่าผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าทั่วไปเนื่องจากเชื้อเพลิงชีวมวลมีต้นทุนที่ต่ำกว่าและได้รับค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (Adder) ภายใต้โครงการ SPP อย่างไรก็ตาม แม้การใช้เชื้อเพลิงชีวมวลร่วมกับถ่านหินจะมีความได้เปรียบด้านต้นทุนและมีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้เชื้อเพลิง แต่โรงไฟฟ้าประเภทดังกล่าวก็มีความเสี่ยงจากการดำเนินงานในอัตราที่สูงกว่า

รายได้จากการขายไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทมีความมั่นคงเนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Power Purchase Agreement -- PPA) จำนวน 180 เมกะวัตต์ อายุ 25 ปีกับ กฟผ. และสัญญาขายไฟฟ้าจำนวน 50-120 เมกะวัตต์ อายุ 15 ปีกับ บริษัท 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (304IP) บริษัทขายไอน้ำที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่ บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) ภายใต้สัญญาจัดหา ไอน้ำอายุ 25 ปี ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% จาก 304IP คิดเป็น 50% และจากบริษัทแอ๊ดวานซ์ อะโกร คิดเป็น 10% โดยถ่านหินซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไฟฟ้าคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70% ของต้นทุนในการผลิตไฟฟ้ารวม บริษัทสั่งซื้อถ่านหินบางส่วนจาก Marubeni Corporation ภายใต้สัญญาจัดหาถ่านหินอายุ 15 ปี ในขณะที่เชื้อเพลิง ชีวมวลทั้งหมดจัดหาโดยกลุ่ม AA ภายใต้สัญญาระยะยาว ในปี 2551 ราคาถ่านหินเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทว่าค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ปรับขึ้นไม่ทัน ส่งผลให้ต้นทุนถ่านหินเพิ่มขึ้นเป็น 60% ของรายได้รวม โดยเพิ่มขึ้นจาก 32%-35% ในปี 2549-2550 ในปี 2552 บริษัทได้ทำสัญญาซื้อถ่านหินเพิ่มจาก Glencore International AG ภายใต้สัญญา 3 ปี และจาก Vietnam National Coal-Mineral Industries Group (Vinacomin) ภายใต้สัญญา 1 ปี โดยกำหนดราคาอ้างอิงกับดัชนี Japanese Power Utility (JPU) ปัจจุบันบริษัทกำลังเจรจากับ Vinacomin เพื่อให้จัดหาถ่านหินในปริมาณและเงื่อนไขเดิมสำหรับปี 2553 ดังนั้น ต้นทุนถ่านหินเกือบทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตในปี 2553 จะอ้างอิงตามดัชนี JPU ซึ่งเป็นดัชนีราคาอ้างอิงที่ EGAT ใช้ในการจ่ายค่าเชื้อเพลิงให้แก่ผู้ผลิตไฟฟ้า

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในปี 2551 บริษัทเนชั่นแนลเพาเวอร์ซัพพลายมียอดขายเพิ่มขึ้น 5.4% จากปี 2550 เป็น 5,682 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิได้รับผลกระทบอย่างมากจากราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติและดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาถ่านหินที่สูงขึ้นส่งผลให้บริษัทมีต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 56% จากปีก่อน ดอกเบี้ยจ่ายก็เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 830 ล้านบาทในปี 2551 จาก 534 ล้านบาทในปี 2550 ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากภาระที่เกี่ยวข้องกับเงินกู้จากบริษัทย่อยจำนวน 4,977 ล้านบาท กำไรสุทธิจึงปรับลดลงเหลือ 33 ล้านบาทในปี 2551 จาก 936 ล้านบาทในปี 2550 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้แม้ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าในอดีต อัตราการหยุดซ่อมฉุกเฉินของโรงไฟฟ้าลดลงเหลือเพียง 2.7% ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 จากระดับเฉลี่ย 5.2% ตลอดปี 2551 อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายก็ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันเป็น 29.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2552 จาก 21.3% ในปี 2551 ตามราคาถ่านหินโลกที่ลดลง โดยอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานดังกล่าวรวมผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาถ่านหินอ้างอิงสำหรับปี 2546-2548 จำนวน 161 ล้านบาทตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ. ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเมื่อเดือนเมษายน 2552 ส่วนกำไรสุทธิก็ฟื้นตัวเป็น 240 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2552 เทียบกับปี 2551 เต็มปีที่มีกำไรสุทธิเพียง 33 ล้านบาท

ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่าในอนาคต บริษัทยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงในขณะที่การประกาศปรับค่า Ft ของรัฐบาลอาจไม่สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เมื่อพิจารณาถึงกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายซึ่งอยู่ที่ระดับ 1,300-2,000 ล้านบาทต่อปีจากโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและแผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าใหม่หลายแห่งรวมมูลค่าประมาณ 50,000 ล้านบาทในช่วง 5 ปีข้างหน้าแล้ว คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งใกล้เคียงกับระดับในปัจจุบันที่ 67.9% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2552 ทั้งนี้ แผนการลงทุนในโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าภายใต้โครงการ IPP จำนวน 1 โรง โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งใช้เชื้อเพลิงชีวมวล 4 โรง โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมซึ่งใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน 1 โรง และการซื้อโรงไฟฟ้าของกลุ่ม AA จำนวน 3 โรง หากแผนการลงทุนทั้งหมดแล้วเสร็จก็จะส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 1,503 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็น 5 เท่าของกำลังการผลิตในปัจจุบัน กำหนดการเปิดดำเนินการของโรงไฟฟ้า SPP ทั้งหมดจะเริ่มตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป ส่วนโรงไฟฟ้า IPP จะก่อสร้างแล้วเสร็จในระหว่างปี 2556-2557 หลังจากโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวเปิดดำเนินการแล้วจะส่งผลให้ธุรกิจของบริษัทมีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งกล่าวว่าการที่บริษัทจะพัฒนาโรงไฟฟ้าทั้งหมดได้โดยไม่มีผลกระทบต่อฐานะการเงินยังเป็นประเด็นกังวลต่ออันดับเครดิต — จบ

บริษัท เนชั่นแนลเพาเวอร์ซัพพลาย จำกัด (NPS)
อันดับเครดิตองค์กร: ลงลดเป็น BBB จาก BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ   แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ  ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน  บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ