บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้มีการค้ำประกัน (TBEV072A, TBEV078A, TBEV082A) ของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ “AA-” จากเดิม “A+” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่แข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่บริษัททำการเพิ่มทุนเป็นจำนวนมากจากการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนเป็นการทั่วไป (IPO) ในเดือนพฤษภาคม 2549 โดยบริษัทได้นำเงินเกือบทั้งหมดที่ได้จากการเพิ่มทุนไปชำระคืนหนี้ นอกจากนี้อันดับเครดิตดังกล่าวยังสะท้อนความเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของกลุ่มบริษัทไทยเบฟ ความสามารถและประสบการณ์ของคณะผู้บริหาร และการประหยัดจากขนาดเนื่องจากการเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่สม่ำเสมอ รวมทั้งเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรงและความเสี่ยงจากข้อบังคับทางกฎหมายที่อาจกระทบต่อการขยายตัวของความต้องการในการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทไทยเบฟเวอเรจจะยังคงดำรงความสามารถในการแข่งขันและคงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์และสุราแม้ว่าบริษัทยังจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งจากผู้ผลิตเบียร์ไทยและผู้นำเข้าสุราจากต่างประเทศ จากการมีกระแสเงินสดที่แน่นอน ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการเงินในปัจจุบันเอาไว้ได้โดยที่ไม่มีแผนการซื้อกิจการโดยการกู้ยืมเงินจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์และสุรารายใหญ่ที่สุดของไทยและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มจำนวนมากกว่า 80 แห่ง โดยบริษัทในกลุ่มเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายประเภททั้งเบียร์ สุราขาว สุราสี สุราสมุนไพรจีน และสาเก โดยตราสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีและมีฐานะเป็นผู้นำตลาดภายในประเทศ เช่น แม่โขง แสงโสม และรวงข้าวสำหรับเครื่องดื่มสุรา และช้างสำหรับเบียร์ สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเน้นกลุ่มเป้าหมายที่บริโภคสินค้าอีโคโนมี่ (สินค้าราคาประหยัด) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาดโดยรวม เบียร์ช้างซึ่งเป็นเบียร์ที่ขายดีที่สุดในประเทศและเบียร์อาชาของบริษัทครองส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันคิดเป็น 53% ของปริมาณการขายเบียร์ในปี 2548 ขณะเดียวกันบริษัทยังครองส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับสุราในปี 2548 ถึง 74% จากการจำหน่ายสุรายี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ แสงโสม แม่โขง มังกรทอง รวงข้าว และไผ่ทอง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้บริษัทไทยเบฟเวอเรจจะคงความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์ของไทย ทว่ายอดขายเบียร์ของบริษัทเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2546 ส่งผลให้คู่แข่งรายสำคัญคือกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังการผลิตภายในประเทศสำหรับเบียร์ 1,090 ล้านลิตรต่อปีและสำหรับสุรา 808 ล้านลิตรต่อปีทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบในระดับหนึ่ง และการมีโรงกลั่นถึง 17 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศยังทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคด้วย เครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางและพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะผู้นำของบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่าย 2,600 ราย มีพนักงานขายตรงกว่า 900 คน และมีคลังสินค้ามากกว่า 400 แห่งเพื่อรองรับการกระจายสินค้าไปยังจุดขายที่มีมากกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ อัตราการทำกำไรที่สูงสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินประมาณปีละ 15,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ อัตราหนี้สินของบริษัทยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 56% ในปี 2548 เป็น 31% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 เนื่องจากบริษัทได้ชำระคืนหนี้จำนวนมากหลังจากการเพิ่มทุนเมื่อเดือนมิถุนายน 2549
คณะผู้บริหารของบริษัทมีผลงานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ที่ยาวนาน และมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจสุราและเบียร์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน ตลาดเบียร์ในประเทศไทยยังมีช่องทางในการเติบโตอีกเนื่องจากปริมาณการบริโภคเบียร์ในระดับ 28.89 ลิตรต่อคนต่อปียังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการบริโภคสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีผู้ผลิตรายใหญ่จำนวนไม่กี่รายและมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยมีการใช้งบประมาณในการโฆษณาจำนวนมาก รวมทั้งมีการส่งเสริมการขายและการใช้กลยุทธ์ตัดราคาอย่างกว้างขวางเพื่อ
กระตุ้นยอดขาย ในช่วงปี 2545-2549 ที่ผ่านมา ยอดขายเบียร์มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 9.6% ต่อปี ข้อบังคับทางกฎหมายเป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่อความต้องการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยนโยบายของภาครัฐยังคงส่งผลกระทบในด้านลบต่อการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่ถูกกำหนดเพื่อลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ การเพิ่มภาษีสรรพสามิต ตลอดจนการจำกัดการโฆษณาและการจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศเติบโตในอัตราที่ลดลง ในขณะที่ตลาดเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระดับต่ำคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทไทยเบฟเวอเรจจะยังคงดำรงความสามารถในการแข่งขันและคงสถานะความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์และสุราแม้ว่าบริษัทยังจะต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งจากผู้ผลิตเบียร์ไทยและผู้นำเข้าสุราจากต่างประเทศ จากการมีกระแสเงินสดที่แน่นอน ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะทางการเงินในปัจจุบันเอาไว้ได้โดยที่ไม่มีแผนการซื้อกิจการโดยการกู้ยืมเงินจำนวนมาก
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทไทยเบฟเวอเรจเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มเบียร์และสุรารายใหญ่ที่สุดของไทยและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายใหญ่ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ในกลุ่มจำนวนมากกว่า 80 แห่ง โดยบริษัทในกลุ่มเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลากหลายประเภททั้งเบียร์ สุราขาว สุราสี สุราสมุนไพรจีน และสาเก โดยตราสินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีและมีฐานะเป็นผู้นำตลาดภายในประเทศ เช่น แม่โขง แสงโสม และรวงข้าวสำหรับเครื่องดื่มสุรา และช้างสำหรับเบียร์ สินค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเน้นกลุ่มเป้าหมายที่บริโภคสินค้าอีโคโนมี่ (สินค้าราคาประหยัด) ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของตลาดโดยรวม เบียร์ช้างซึ่งเป็นเบียร์ที่ขายดีที่สุดในประเทศและเบียร์อาชาของบริษัทครองส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันคิดเป็น 53% ของปริมาณการขายเบียร์ในปี 2548 ขณะเดียวกันบริษัทยังครองส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับสุราในปี 2548 ถึง 74% จากการจำหน่ายสุรายี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก ได้แก่ แสงโสม แม่โขง มังกรทอง รวงข้าว และไผ่ทอง
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า แม้บริษัทไทยเบฟเวอเรจจะคงความเป็นผู้นำในตลาดเบียร์ของไทย ทว่ายอดขายเบียร์ของบริษัทเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปี 2546 ส่งผลให้คู่แข่งรายสำคัญคือกลุ่มบริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยกำลังการผลิตภายในประเทศสำหรับเบียร์ 1,090 ล้านลิตรต่อปีและสำหรับสุรา 808 ล้านลิตรต่อปีทำให้บริษัทมีอำนาจต่อรองในการซื้อวัตถุดิบในระดับหนึ่ง และการมีโรงกลั่นถึง 17 แห่งกระจายอยู่ทั่วประเทศยังทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคด้วย เครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางและพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะผู้นำของบริษัท ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทนจำหน่าย 2,600 ราย มีพนักงานขายตรงกว่า 900 คน และมีคลังสินค้ามากกว่า 400 แห่งเพื่อรองรับการกระจายสินค้าไปยังจุดขายที่มีมากกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ อัตราการทำกำไรที่สูงสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัท บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินประมาณปีละ 15,000 ล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ อัตราหนี้สินของบริษัทยังลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยลดลงจาก 56% ในปี 2548 เป็น 31% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2549 เนื่องจากบริษัทได้ชำระคืนหนี้จำนวนมากหลังจากการเพิ่มทุนเมื่อเดือนมิถุนายน 2549
คณะผู้บริหารของบริษัทมีผลงานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังมีประสบการณ์ที่ยาวนาน และมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจสุราและเบียร์ในประเทศไทยเป็นอย่างดี ในขณะเดียวกัน ตลาดเบียร์ในประเทศไทยยังมีช่องทางในการเติบโตอีกเนื่องจากปริมาณการบริโภคเบียร์ในระดับ 28.89 ลิตรต่อคนต่อปียังถือว่าน้อยเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการบริโภคสูงสุด 20 อันดับแรกของโลก ตลาดเบียร์ในประเทศไทยมีผู้ผลิตรายใหญ่จำนวนไม่กี่รายและมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยมีการใช้งบประมาณในการโฆษณาจำนวนมาก รวมทั้งมีการส่งเสริมการขายและการใช้กลยุทธ์ตัดราคาอย่างกว้างขวางเพื่อ
กระตุ้นยอดขาย ในช่วงปี 2545-2549 ที่ผ่านมา ยอดขายเบียร์มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 9.6% ต่อปี ข้อบังคับทางกฎหมายเป็นปัจจัยหลักที่กระทบต่อความต้องการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยนโยบายของภาครัฐยังคงส่งผลกระทบในด้านลบต่อการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสังคมไทย ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ ที่ถูกกำหนดเพื่อลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้แก่ การเพิ่มภาษีสรรพสามิต ตลอดจนการจำกัดการโฆษณาและการจำหน่ายสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศเติบโตในอัตราที่ลดลง ในขณะที่ตลาดเครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระดับต่ำคาดว่าจะเติบโตในอัตราที่สูงขึ้น ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
--------------------------------------------------------------------------------------------
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงมิได้รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้น ผลที่ได้รับ หรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว