บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงการดำเนินงานที่ยาวนานของบริษัทในตลาดท่อพลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง (High Density Polyethylene Pipe -- HDPE) ตลอดจนการเป็นผู้นำตลาด การได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านการเงินและด้านเทคนิคจากบริษัทแม่คือ KWH Pipe Ltd. แห่งประเทศฟินแลนด์ และบทบาทของบริษัทในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกดังกล่าวถูกลดทอนลงโดยอัตรากำไรที่ลดลงเนื่องจากบริษัทไม่สามารถเพิ่มราคาสินค้าได้ในสัดส่วนเดียวกันกับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนภาวะการแข่งขันที่รุนแรงทั้งในและต่างประเทศ การแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้าสู่ธุรกิจได้ง่าย และการที่รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทขึ้นอยู่กับงบลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคใหม่ๆ ของภาครัฐ
โดยทริสเรทติ้งกล่าวว่าแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงอัตรากำไรที่ลดลงเนื่องจากบริษัทไม่สามารถปรับเพิ่มราคาสินค้าได้ตามสัดส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพราะมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงอันเนื่องมาจากอุปทานส่วนเกินที่มีอยู่ภายในประเทศและการชะลอตัวของโครงการภาครัฐหลายโครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการกู้หนี้สินระยะสั้นเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินของบริษัทเพิ่มสูงกว่าที่ได้ประมาณการไว้เกือบ 200 ล้านบาท หากบริษัทไม่สามารถปรับปรุงสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้ภายใน 6 เดือน ทริสเรทติ้งอาจปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทลง
ยอดขายของบริษัทในปี 2547 ค่อนข้างตกต่ำเนื่องจากราคาวัตถุดิบคือ เม็ดพลาสติก HDPE ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้ราคาของท่อ HDPE ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย อันเป็นสาเหตุให้หลายโครงการชะลอการสั่งซื้อ ราคาวัตถุดิบที่มีการเปลี่ยนแปลงมากทำให้การตั้งราคาสินค้าของบริษัทกระทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทลดลงกว่าที่คาดไว้ ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ
โดยทริสเรทติ้งกล่าวว่าแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงอัตรากำไรที่ลดลงเนื่องจากบริษัทไม่สามารถปรับเพิ่มราคาสินค้าได้ตามสัดส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเพราะมีข้อจำกัดจากการแข่งขันที่รุนแรงอันเนื่องมาจากอุปทานส่วนเกินที่มีอยู่ภายในประเทศและการชะลอตัวของโครงการภาครัฐหลายโครงการ นอกจากนี้ บริษัทยังมีการกู้หนี้สินระยะสั้นเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้หนี้สินของบริษัทเพิ่มสูงกว่าที่ได้ประมาณการไว้เกือบ 200 ล้านบาท หากบริษัทไม่สามารถปรับปรุงสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทได้ภายใน 6 เดือน ทริสเรทติ้งอาจปรับลดอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทลง
ยอดขายของบริษัทในปี 2547 ค่อนข้างตกต่ำเนื่องจากราคาวัตถุดิบคือ เม็ดพลาสติก HDPE ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้ราคาของท่อ HDPE ปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย อันเป็นสาเหตุให้หลายโครงการชะลอการสั่งซื้อ ราคาวัตถุดิบที่มีการเปลี่ยนแปลงมากทำให้การตั้งราคาสินค้าของบริษัทกระทำได้ยากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรของบริษัทลดลงกว่าที่คาดไว้ ทริสเรทติ้งกล่าว -- จบ