ทริสเรทติ้งทบทวนและประเมินแนวโน้ม “ตลาดที่อยู่อาศัย”

ข่าวทั่วไป Friday August 20, 2010 10:26 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ทบทวนภาวะตลาดที่อยู่อาศัยไทยในปี 2552 โดยระบุว่าตลาดขยายตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยอัตราที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยและกำไรของผู้ประกอบการ ในขณะที่แนวโน้มในอนาคตผู้ประกอบการจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ และแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้นซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนของผู้ประกอบการและกำลังซื้อของผู้ต้องการที่อยู่อาศัย

ทริสเรทติ้งกล่าวระบุในรายงาน “Industry Research” ซึ่งเผยแพร่วันนี้ (20 สิงหาคม 2553) ว่าอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยของไทย แสดงให้เห็นการขยายตัวในทิศทางที่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอาคารชุดที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาตั้งแต่ปี 2551 โดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Information Center -- REIC) รายงานว่าในปี 2552 มีจำนวนของห้องชุดที่จดทะเบียนใหม่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลถึง 46,452 หน่วย ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 31,535 หน่วยในปี 2551 และ 17,461 หน่วยในปี 2550 ทั้งนี้ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะมีจำนวนห้องชุดเปิดขายในเขตกรุงเทพฯ และปริมาณฑลอีกเป็นจำนวนมากถึง 63,600 หน่วยในปี 2553

จากการประเมินข้อมูลของบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยที่จัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งจำนวนรวม 11 แห่ง พบว่าบางบริษัทมีผลประกอบการที่ขยายตัวช้าลง แต่โดยทั่วไปมีอัตรากำไรที่สูงขึ้น โดยเห็นได้จากอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ปรับปรุงแล้วโดยเฉลี่ยของบริษัทดังกล่าวในปี 2552 เท่ากับ 21.8% เพิ่มขึ้นจาก 19.1% ในปี 2551

ทริสเรทติ้งกล่าวว่าอัตรากำไรที่สูงขึ้นของผู้ประกอบการส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการให้สิทธิ์ลดหย่อนอัตราภาษีต่าง ๆ ซึ่งเป็นการบรรเทาภาระภาษีบางส่วนแก่ผู้ประกอบการและผู้ซื้อที่อยู่อาศัยที่มีการซื้อขายและโอนอสังหาริมทรัพย์ภายในปี 2551 และ 2552 ประกอบกับการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารกิจการที่ดียิ่งขึ้นซึ่งมีผลในการลดต้นทุนของผู้ประกอบการ เช่น การนำเทคโนโลยีก่อสร้างอาคารแบบกึ่งสำเร็จรูปในลักษณะของ Prefabrication ของ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ช่วยเพิ่มอัตรากำไรที่น่าพอใจ ผู้ประกอบการบางรายที่มีการโอนโครงการอาคารชุดจำนวนมากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีผลประกอบการที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งในด้านรายได้จากการขาย และอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ตัวอย่างของผู้ประกอบการดังกล่าวในปี 2552 ได้แก่ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น

ทริสเรทติ้งกล่าวถึงแนวโน้มของสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2553 และปี 2554 ว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตต่อไปเนื่องจากผู้ประกอบการหลายรายมีแผนการที่จะออกโครงการใหม่จำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้การแข่งขันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่บางรายมีแผนการที่จะเข้าสู่ตลาดที่อยู่อาศัยระดับปานกลางถึงระดับล่างมากยิ่งขึ้นก็จะทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยอาจได้รับแรงกดดัน ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้รับจากผู้ประกอบการที่จัดอันดับเครดิตกับทริสเรทติ้งคาดว่าในปี 2553 ผู้ประกอบการเหล่านี้มีแผนจะออกโครงการใหม่ทั้งสิ้นประมาณ 62,000 หน่วย โดยเป็นบ้านเดี่ยว 21,000 หน่วย ทาวน์เฮ้าส์ 16,000 หน่วย และอาคารชุดประมาณ 25,000 หน่วย โดยมีราคาต่อหน่วยโดยเฉลี่ยประมาณ 3.17 ล้านบาท ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยที่ 3.67 ล้านบาทในปี 2552 เล็กน้อย นอกจากนี้ ผลจากการสิ้นสุดมาตรการลดหย่อนภาษีอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐก็อาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อัตรากำไรของผู้ประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2553 ต้องปรับลดลง

ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งประเมินว่าความเสี่ยงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2553 และ 2554 จะยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไร้เสถียรภาพซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่เริ่มปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็อาจนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการและผู้ซื้อบ้านด้วย ทริสเรทติ้งกล่าว

ปัจจุบัน ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัยจำนวน 11 ราย โดยจำนวน 7 รายได้รับอันดับเครดิตในระดับตั้งแต่ “BBB” ถึง “BBB+” และอีก 4 รายอยู่ในระดับ “A-“ ถึง “A” ดังนี้ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับอันดับเครดิตระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (BBB+/Stable) บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) (BBB-/Stable) บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (A/Stable) บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (BBB+/Stable) บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) (BBB/Stable) บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (BBB/Stable) บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (A/Stable) บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (A-/Stable) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (BBB+/Stable) และ บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BBB+/Positive) — จบ

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ