ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร “บ. สวนอุตสาหกรรมโรจนะ”ที่ “A-” แนวโน้ม “Stable”

ข่าวทั่วไป Friday September 17, 2010 09:09 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานรายได้ที่หลากหลาย ผลงานที่เป็นที่ยอมรับในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม รายได้ที่สม่ำเสมอจากการขายไฟฟ้าและสาธารณูปโภค ตลอดจนการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้ร่วมทุนสัญชาติญี่ปุ่น ทั้งนี้ ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะที่ผันผวนของธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนที่ชะลอตัวในปัจจุบันด้วย

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหมายว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลให้มีความต้องการที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้าและสาธารณูปโภคของบริษัทจะเพิ่มกระแสเงินสดที่แน่นอนซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมและที่ดินในสวนอุตสาหกรรมของบริษัท

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2531 โดยตระกูลวินิชบุตรและกลุ่มซูมิโตโม (Sumitomo Group) นอกเหนือจากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้งไฟฟ้า และสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมในประเทศไทยและประเทศจีนด้วย ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมและคอนโดมิเนียมคิดเป็น 30% ของรายได้รวม ในขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้าและสาธารณูปโภคคิดเป็น 70% ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและบริหารสวนอุตสาหกรรม 2 แห่งในจังหวัดอยุธยาและระยอง ในช่วงปี 2550-2552 บริษัทมียอดขายพื้นที่ในสวนอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย 400-500 ไร่ต่อปี โดย ณ เดือนมิถุนายน 2553 มีพื้นที่ขายสะสมอยู่ที่ 5,826 ไร่ และมีพื้นที่ขายเหลืออีก 3,813 ไร่ซึ่งถือว่ามากพอที่จะรองรับการพัฒนาในอนาคตเมื่อพิจารณาจากอัตราการขายที่ดินเฉลี่ยที่ปีละ 500 ไร่

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะถือหุ้น 41% ใน บริษัท โรจนะ พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะอยุธยา และเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในสวนอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น บริษัทโรจนะ พาวเวอร์ จึงขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจาก 122 เมกะวัตต์ในปี 2547 เป็น 267 เมกะวัตต์ในเดือนมิถุนายน 2553 โดย 90 เมกะวัตต์ขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) และส่วนที่เหลือขายให้แก่ลูกค้าเอกชนในสวนอุตสาหกรรม ในช่วงปี 2552 จนถึงครึ่งแรกของปี 2553 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและสาธารณูปโภคคิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของรายได้รวม และคิดเป็น 45%-50% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย

ธุรกิจคอนโดมิเนียมของบริษัทในประเทศจีนมีความคืบหน้าในระดับค่อนข้างน่าพอใจแม้ว่ายอดขายจะชะลอตัวเนื่องจากในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 รัฐบาลจีนได้ดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดในด้านการให้สินเชื่อของสถาบันการเงินเพื่อที่จะควบคุมการขยายตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน โครงการอาคารสูงแห่งแรกของบริษัทคือ Kaina Business Plaza ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองฉางโจวประกอบด้วยคอนโดมิเนียมจำนวน 993 ยูนิตและโรงแรม 204 ห้อง โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 มียอดขายสะสมจำนวน 68% ของพื้นที่ขายทั้งหมด นับว่าชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับจำนวน 64% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2552 และ 67% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2553 ปัจจุบัน การก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้า ส่วนการก่อสร้างโรงแรมนั้นคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2553 นี้ นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน 2552 บริษัทยังได้เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมแห่งที่ 2 ภายใต้ชื่อ Kaina Overseas Chinese City ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโครงการแห่งแรก โครงการดังกล่าวประกอบด้วยห้องชุดพักอาศัย 530 ยูนิตมูลค่ารวม 4,050 ล้านบาท การเปิดขายโครงการแห่งใหม่ถือว่าคืบหน้าเป็นอย่างดีท่ามกลางมาตรการที่เข้มงวดของภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน โดย ณ เดือนมิถุนายน 2553 สามารถขายได้ถึง 284 ยูนิต หรือคิดเป็น 54% ของจำนวนห้องพักทั้งหมดในโครงการ ในขณะที่การก่อสร้างแล้วเสร็จไป 24% ทั้งนี้ ความสำเร็จของธุรกิจคอนโดมิเนียมในประเทศจีนจะได้รับแรงกดดันจากนโยบายการให้สินเชื่อที่เข้มงวดของสถาบันการเงินและมาตรการใหม่ ๆ ที่รัฐบาลจีนอาจประกาศใช้เพื่อชะลอมิให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนขยายตัวมากจนเกินไป

ฐานรายได้ที่หลากหลายและรายได้ค่าไฟฟ้าที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 2552 ยังคงแข็งแกร่ง โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 757 ล้านบาท เติบโตถึง 26% จากปี 2551 เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่มีผลกำไรลดลงอย่างมากในช่วงเดียวกัน แม้ว่าการขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมของบริษัทลดลงเหลือ 394 ไร่ในปี 2552 จาก 510 ไร่ในปี 2551 แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจคอนโดมิเนียมในประเทศจีนและรายได้จากการขายไฟฟ้าที่สม่ำเสมอช่วยชดเชยรายได้จากการขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมที่ลดลง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รายได้รวมเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 3,847 ล้านบาท โดยธุรกิจเกือบทุกประเภทมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขายที่ดินในสวนอุตสาหกรรมและการขายคอนโดมิเนียม ธุรกิจไฟฟ้าก็มีผลประกอบการที่เติบโตเช่นกัน โดยรายได้เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามอัตราการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ดังนั้น กำไรสุทธิของบริษัทจึงเพิ่มขึ้น 86% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 347 ล้านบาทสำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ตามปกติแล้ว สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอยู่ในระดับสูงเนื่องจากการรวมธุรกิจไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจที่ใช้เงินกู้จำนวนมาก โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2553 บริษัทมีเงินกู้รวม 10,310 ล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ 57% บริษัทมีแผนจะขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มอีก 164 เมกะวัตต์จากปัจจุบันที่ 267 เมกะวัตต์ โดย 52 เมกะวัตต์จะจำหน่ายให้แก่ผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรม ส่วนอีก 112 เมกะวัตต์จะอยู่ภายใต้โครงการ SPP โรงไฟฟ้าทั้ง 2 โครงการจะเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2556 และใช้เงินลงทุนรวม 7,300 ล้านบาทในระหว่างปี 2553-2556 และเมื่อรวมกับเงินลงทุนสำหรับการก่อสร้างคอนโดมิเนียม 2 แห่งในประเทศจีนอีกจำนวน 3,000 ล้านบาทแล้ว สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงระยะ 2-3 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะปรับตัวดีขึ้นหากใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 246.8 ล้านหน่วยแปลงเป็นหุ้นสามัญซึ่งจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 987 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนการขายโรงแรมขนาด 204 ห้องในประเทศจีนในอนาคตเพื่อที่จะรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้ไม่เกิน 2 เท่าตามนโยบายของบริษัทด้วย — จบ

บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (Rojana)
อันดับเครดิตองค์กร:	                    คงเดิมที่ A-
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                    Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2553  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัด
อันดับเครดิต  ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆ โดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating_information/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ