นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างท่าเรือแห่งใหม่ที่ PORT ร่วมลงทุนกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผล และบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก ผ่านบริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (BRT) จะให้บริการท่าเรือขนส่งตู้สินค้าระหว่างประเทศ (feeder) ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 45 ไร่ เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ปัจจุบันได้รับการอนุมัติ EIA แล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมให้บริการในปลายปี 65
ส่วนโครงการศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย โดยเปิดทำการในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park : BLP) ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทั้งสองธุรกิจจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ
สำหรับทิศทางผลประกอบการของบริษัท รายได้กลับมาฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2/65 จากสถานการณ์ภาพรวมของอุตสาหกรรมการเดินเรือในประเทศที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว และเริ่มคลายความวิตกกังวลจากสถานการณ์โควิด การยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์ของแต่ละประเทศ โดยคาดว่ารายได้รวมในปี 2565 นี้ จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ 15%
ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการให้บริการการขนถ่ายสินค้าเรือระหว่างประเทศ (Feeder) ให้กลับมาได้มากที่สุด รวมถึงการขยายการบริการเรือเทกอง (Bulk) เพิ่มมากขึ้น โดยจากการคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ที่เริ่มจะกลับมาได้ดีขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังปี 65 ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเริ่มปลดล็อคให้สามารถเดินทางเข้าออก และสามารถทำการค้าได้สะดวกมากขึ้น ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่เริ่มได้รับการแก้ไข ตลอดจนค่าระวาง (Freight) ที่เริ่มมีทิศทางการปรับตัวลดลง ล้วนเป็นสัญญาณบวกต่อผู้นำเข้าและส่งออก
นายวรวิทย์ เอื้อทรัพย์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี PORT กล่าวว่า ไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มีรายได้รวม 444 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 32.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้น มาจากการขยายรายได้ในการเป็นตัวแทนผู้นำเข้าส่งออก (Freight Forward) เพิ่มขึ้น โดยมีกำไรขั้นต้น 56.59 ล้านบาท ลดลง 14.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
และงบการเงิน 6 เดือนแรกปี 2565 PORT มีรายได้รวม 1,016.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.98% จากรายได้รวม 659.95 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วง 6 เดือนแรกปี 2564 บริษัทฯ เชื่อว่าได้ผ่านพ้นจุดต่ำไปแล้วในครึ่งปีแรก และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้
บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง มีแผนการลงทุนในปี 65 วางงบไว้ที่ประมาณ 160 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนโครงการท่าเรือแห่งที่ 3 ผ่าน BRT จำนวน 70 ล้านบาท งบพัฒนาระบบเครื่องจักรอุปกรณ์ 40 ล้านบาท และงบพัฒนาโครงการต่างๆ โดยเป็นอาคารเก็บสินค้าที่มีศักยภาพ เนื่องจากเป็นคลังสินค้าในท่าเทียบเรือ และยังเป็นคลังเอนกประสงค์สำหรับผู้นำเข้าสินค้าที่ต้องการใช้พื้นที่เขตปลอดอากร 50 ล้านบาท เป็นต้น
สำหรับการลงทุนใหม่ๆ ไม่ว่าจะทั้งรูปแบบการควบรวมกิจการ (M&A) หรือการร่วมทุน (JV) บริษัทยังคงมีความสนใจและเปิดโอกาสศึกษาอยู่เสมอเพื่อเข้ามาช่วยเสริมฐานธุรกิจ เพิ่มความสามารถในการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด