นายบุญชัย ปัณฑรุอัมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซาบิน่า (SABINA) กล่าวว่า บริษัทคาดว่ายอดขายและกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้นจากครึ่งปีแรก หลังจากร้านค้าของบริษัทสามารถเปิดให้บริการได้ครบทุกสาขา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 90-95% จากช่วงก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit margin) จะกลับมาอยู่ในระดับปกติ เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการลดกำลังการผลิตหน้ากากผ้าลง จากเดิมที่มีสัดส่วนกำลังการผลิตหน้ากากผ้าที่ 44% และชุดชั้นในอยู่ที่ 56% คาดว่าในสิ้นปีนี้กำลังการผลิตหน้ากากผ้าจะลดลงมาอยู่ที่ 35% และชุดชั้นในจะเพิ่มขึ้นเป็น 65% น่าจะช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นครึ่งปีหลังนี้ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการผลิตหน้ากากผ้ามีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ต่ำหรือประมาณ 10-15% ขณะที่ชุดชั้นในอยู่ที่ราว 50%
ส่วนการขายผ่านออนไลน์ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง แม้จะกลับมาเปิดร้านค้าแล้ว แต่คาดว่ายอดขายออนไลน์อาจจะปรับตัวลดลงหากเทียบกับครึ่งปีแรกที่มีการเติบโตค่อนข้างมาก แต่จะยังเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยคาดว่าสัดส่วนยอดขายออนไลน์ทั้งปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 10% ขณะที่ปัจจุบันยังอยู่ที่ 21%
สำหรับแผนการตลาดในครึ่งปีหลัง บริษัทจะใช้นโยบายเดินสายกลาง หรือใช้ความระมัดระวังในการลงทุน และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มากขึ้น เนื่อจากปัจจุบันก็อยู่ระหว่างจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศ เพื่อจะได้ปรับแผนการดำเนินงานให้ทัน ขณะเดียวกันบริษัทยังเดินหน้าแผนปิดสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา โดยเป็นสาขาที่ไม่คุ้มทุนและมียอดขายที่ไม่ตรงตามเป้า ส่วนสาขาที่ต่อสัญญาใหม่ก็จะใช้พื้นที่น้อยลง เพราะการขายช่องทางออนไลน์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นายบุญชัย กล่าวว่า ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ทั้งในประเทศเวียดนาม และฟิลิปปินส์ ปัจจุบันยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะกลับมาได้เมื่อใด จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังส่งผลกระทบอยู่ แต่มั่นใจว่าจะไม่กระทบกับผลการดำเนินงานโดยรวมในครึ่งปีหลังนี้มากนัก เนื่องจากยอดขายต่างประเทศคิดเป็นเพียง 3% ของยอดขายรวม
สำหรับยอดขายทั้งปี 63 บริษัทฯ ยอมรับว่าจะหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,294.96 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทฯ ไม่สามารถขายสินค้าชุดชั้นในผ่านหน้าร้านได้เลย ซึ่งเป็นผลมาจากการสั่งปิดห้างสรรพสินค้าชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ยอดขายในช่วงดังกล่าวปรับตัวลดลงไปถึง 24.2% และคาดว่าทั้งปีจะผลิตชุดชั้นในได้ 9 ล้านชิ้น ลดลงจากปีก่อนที่ผลิตได้ 12 ล้านชิ้น
แต่จากการที่บริษัทได้ปรับตัวโดยหันมาขายชุดชั้นในผ่านช่องทางออนไลน์ บนแพลตฟอร์มของ SABINA หรือ Facebook Live ทำให้มียอดขายผ่าน NoN Store Retailing (NSR) เข้ามา ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนยอดขายในปีนี้ และยังมีการผลิตหน้ากากผ้าที่ระยะแรกเป็นการผลิตโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผลิตเพื่อบริจาคให้กับทางโรงพยาบาล, ชุมชน และเริ่มผลิตเพื่อจำหน่ายในช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยหาออเดอร์จากองค์กรต่างๆ ทำให้การรับจ้างการผลิต (OEM) ปรับตัวดีขึ้น
"ในช่วงไตรมาส 2/63 เราถูกสั่งปิดห้างร้านติดต่อกัน 2 เดือน ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค.-กลาง พ.ค.63 ทำให้เราไม่มียอดขาย ซึ่งมีสัดส่วนราว 75% ของออฟไลน์ ที่ขายผ่านห้างร้านต่างๆ ส่งผลทำให้ยอดขายในครึ่งปีแรกลดลงไป 18.5% โดยไตรมาส 2/63 ลดลงต่ำสุด คิดเป็น 24.2% แต่เชื่อว่ากำไรและยอดขายครึ่งปีหลังนี้จะปรับตัวดีขึ้น หลังจากผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และปีหน้าก็จะดีกว่าปีนี้"นายบุญชัย กล่าว