นายพงษ์สฤทธิ์ ตันติสุวณิชย์กุล กรรมการ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก โดยเป็นผลมาจากหลังจากที่มีการคลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ส่งผลให้ผู้ใช้ทางด่วนฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติ ขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า MRT ได้ฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 70-80% ของช่วงระยะเวลาปกติแล้ว
นอกจากนั้น คาดว่าในปี 64 ทิศทางผลประกอบการจะฟื้นตัวได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการรับรู้รายได้จากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเต็มที่ทั้งปี ในขณะเดียวกันคาดว่าผู้ใช้บริการ MRT สายเดิมจะกลับสู่ภาวะปกติหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงไปมากกว่านี้ด้วย
"ทิศทางผลประกอบการในข่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เพราะปัจจุบันผู้ใช้บริการทางด่วนก็เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ขณะที่รถไฟฟ้า MRT เองก็มีผู้ใช้บริการกลับขึ้นมาใกล้ปกติแล้วเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันเราก็ยังคงใช้มาตรการการเดินทางที่เว้นระยะห่างอยู่เพื่อที่จะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจริงๆ แล้วหากเราไม่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ปีนี้เราจะมีผลประกอบการที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ด้วย" นายพงษ์สฤทธิ์ กล่าว
สำหรับแผนการก่อสร้างของโครงการต่างๆ ที่มีอยู่นั้น ยืนยันว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ได้ทำให้การก่อสร้างล่าช้าไปแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าในทุกๆโครงการจะสามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จตามกำหนดการที่วางไว้
ในส่วนของตั๋วโดยสารแบบเที่ยว หรือตั๋วโดยสารแบบรายเดือนนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาการรถไฟฟ้าขนส่งแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในการที่จะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด หากได้ข้อสรุปดังกล่าวแล้วก็จะสามารถดำเนิการได้ทันที
ขณะที่ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BEM ในข่วงที่ผ่านมามีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และได้มีการพื้นที่โฆษณาในรถไฟฟ้า MRT และพัฒนาพื้นที่ค้าปลีก ในขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเกี่ยวกับการพัฒนาพื้นที่โฆษณาบนทางด่วนเพิ่มเติมด้วย
ส่วนการนำ BMN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่นั้นจะต้องขึ้นอยู่กับความจำเป็นในการใช้เงินลงทุน และโอกาสในด้านการขยายธุรกิจให้มีการเติบโต ยังคงต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาและศึกษาก่อน