นายยุทธพงศ์ จรัสเถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 กล่าวว่า ความพยายามที่จะยื้อเวลาการพิจารณางบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้ เป็นเพราะรัฐบาลาต้องการให้ร่าง พ.ร.บ.งบผ่านความเห็นชอบจากสภาโดยอัตโนมัติหรือไม่ เพราะตามกฎหมายมีการกำหนดกรอบเวลาว่าหากพิจารณาไม่เสร็จภายใน 105 วัน ซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 28 ก.ย.63 ก็ถือว่าสภาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณโดยอัตโนมัติ
ในที่ประชุม กมธ.เมื่อวานนี้ ฝ่ายรัฐบาลได้ใช้เสียงข้างมากปิดประชุมเพื่อไม่ให้มีการพิจารณาเรื่องงบจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยไม่ขอญัตติให้ชัดเจนว่าจะไปพิจารณาในวันใด มีเพียงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.ฯ ที่ออกไปให้สัมภาษณ์สื่อว่าได้เลื่อนการพิจารณาไปเป็นวันที่ 31 ส.ค.63 จึงอยากตั้งคำถามว่าอย่างนี้เรียกว่า กมธ.ถูกรัฐบาลชี้นำหรือไม่
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า แม้จะมีความพยายามถ่วงเวลา และหากผ่านความเห็นชอบในชั้น กมธ.ไปได้ก็จะมีปัญหาในที่ประชุมใหญ่สภาฯ เพราะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมายืนยันชัดเจนว่าที่ประชุมพรรคมีมติไม่เอาเรือดำน้ำ ดังนั้น เมื่อเสียงของ ปชป.มารวมกับพรรคฝ่ายค้านก็จะมากเกินครึ่งหนึ่งของเสียงในสภาจึงสามารถคว่ำเรือดำน้ำได้ และเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อมาตราใดถูกคว่ำไปในสภาก็จะเป็นปัญหาต่อร่างงบประมาณทั้งฉบับ เพราะคงไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าให้ความเห็นชอบ และเมื่อถูกตีตกตามมารยาทก็จะต้องมีการยุบสภา
หาก ปชป.กลับมติไปสนับสนุนเรือดำน้ำก็ต้องไปถาม ปชป.เพราะคนที่พูดเรื่องนี้เป็น กมธ.ของ ปชป. และบางคนเป็นถึงประธาน ส.ส.ของพรรคว่ามีเหตุผลใดจึงจะมากลับมติ
ส่วนที่มีข่าวว่า กมธ.ฝ่ายรัฐบาลจะเชิญกองทัพเรือมาชี้แจงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.) นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการชี้แจงได้ผ่านไปแล้ว หากจะอ้างว่ายังไม่ชัดเจน เหตุใดปัญหาการตัดงบประกันสังคมเมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) กว่า 15,000 ล้านบาทจนต้องถอนเรื่องไป ทำไมไม่เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพิ่มด้วย
รายงานข่าว แจ้งว่า นายยุทธพงศ์ได้นำตัวอย่างเอกสารการมอบอำนาจเพื่อให้หน่วยงานลงนามการจัดซื้อแบบจีทูจีแทนนายกรัฐมนตรี หรือที่เรียกว่า Full powers มาแสดงต่อสื่อมวลชน โดยเรียกร้องให้กองทัพเรือที่อ้างว่ามีการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจี และมีการมอบอำนาจมาจากนายกรัฐมนตรีนั้นให้นำเอกสารมาแสดงเพื่อความโปร่งใส เพราะถ้าจัดซื้อแบบจีทูจีจริงจะต้องมีหนังสือมอบอำนาจ ประกอบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมายืนยันว่ามีเอกสารทั้งหมดถูกต้อง ก็ควรนำมายืนยันเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ