นายสำเริง แสงภู่วงศ์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สนทช.เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ภาคตะวันออก จังหวัดระยอง ระหว่างวันที่ 24-25 ส.ค.นี้ พิจารณากรอบดำเนินการแผนพัฒนาแหล่งน้ำในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพิ่มเติมอีก 10 โครงการ
แผนงานดังกล่าว แบ่งเป็นแผนงานในช่วงปี 63-80 จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ อ่างเก็บน้ำคลองกระพง อ่างเก็บน้ำหนองกระทิง อ่างเก็บน้ำคลองโพล้ อ่างเก็บน้ำเขาจอมแห-เขานั่งยอง เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำรวมทั้งสิ้น 84 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนอีก 6 โครงการที่เสนอใหม่เป็นไปตามความต้องการในพื้นที่ อาทิ ประตูระบายน้ำคลองท่าลาด ขุดลอกอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ การพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ฐานทับเรือสัตหีบ และการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาระบบประปาในพื้นที่เกาะสีชัง เป็นต้น เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรงบประมาณดำเนินการในระยะต่อไปด้วย
สำหรับแผนพัฒนาแหล่งน้ำใน EEC ซึ่งในช่วงปี 63-80 มีทั้งสิ้น 38 โครงการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำมากขึ้นประมาณ 872 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีการดำเนินการแล้ว 16 โครงการ อาทิ สระทับมา จ.ระยอง อ่างเก็บน้ำคลองพะวาใหญ่ จ.จันทบุรี อ่างเก็บน้ำคลองหางแมว จ.จันทบุรี เป็นต้น
นายสำเริง กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาสถานการณ์น้ำภาคตะวันออกประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำต่อเนื่องจากปัจจัยของฝนเป็นส่วนสำคัญ โดยล่าสุดขณะนี้ มีปริมาณน้ำใช้การได้ 1,150 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 42% ขณะที่อ่างเก็บน้ำหลัก 6 แห่งในพื้นที่ EEC ได้แก่ อ่างเก็บน้ำบางพระ อ่างฯหนองค้อ อ่างฯหนองปลาไหล อ่างฯดอกกราย อ่างฯประแสร์ และอ่างฯคลองใหญ่ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งสิ้น 264 ล้าน ลบ.ม. คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนอ่างฯ ขนาดใหญ่จำนวน 3 แห่งในพื้นที่ EEC จะมีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 46%
ทั้งนี้ จากการประเมินแนวโน้มปริมาณน้ำอ่างฯ และแหล่งน้ำต่าง ๆ มั่นใจว่า มีใช้อย่างเพียงพอในฤดูฝนนี้ แต่ในฤดูแล้งหน้ายังคงต้องมีการควบคุมติดตามการบริหารจัดการและการจัดสรรน้ำอย่างเข้มข้นต่อเนื่องตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรี ทั้งแผนระยะเร่งด่วน 12 มาตรการ แผนระยะสั้น และแผนระยะยาว