สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างบทความจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สว่า สหรัฐมีแนวโน้มจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อน หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้โดยเร็ว
นายเกวิน เดวีส์ ประธานของฟุลครัม แอสเซ็ท เมเนจเมนท์ ผู้เขียนบทความดังกล่าวระบุว่า แม้ว่าในสหรัฐจะมีผู้ติดเชื้อ ผู้ต้องเข้ารับการรักษาตัว และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 จำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ตลาดสหรัฐยังคงผ่อนคลาย เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังในการทดลองวัคซีนรักษาโควิด-19
อย่างไรก็ตาม นายเดวีส์ระบุในบทความว่า แม้ว่าผลการพัฒนาวัคซีนจะออกมาดีแค่ไหน ก็อาจจะช้าเกินไปที่จะช่วยเศรษฐกิจสหรัฐ หากการแพร่ระบาดยังคงดำเนินต่อไปอีก 3 เดือน
บทความระบุว่า หากนโยบายสาธารณะจะสามารถควบคุมอัตราการติดเชื้อของชาวอเมริกันในทางใต้ได้ ก็อาจส่งผลกระทบตามมาอย่างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงที่เหลือของปีนี้ พร้อมเสริมว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า การประกาศล็อกดาวน์ที่ล่าช้า จะทำให้ผลลัพธ์เลวร้ายลง ทั้งในด้านผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตอย่างน้อยก็ในระยะสั้น
บทความบ่งชี้ว่า จากแบบจำลองที่ติดตามการแพร่ระบาดของแต่ละรัฐ นักเศรษฐศาสตร์ของฟุลครัมคาดการณ์ว่า ส่วนผสมระหว่างการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ ล็อกดาวน์บางส่วน และไม่ล็อกดาวน์เลยในแต่ละรัฐของสหรัฐ จะนำไปสู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยซ้ำซ้อนได้มากถึงประมาณ 7% ตลอดช่วงการล็อกดาวน์
บทความยังระบุด้วยว่า ถ้าสถานการณ์ดังกล่าวดำเนินต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน อาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้น้อยลงกว่าเดิมถึงเกือบ 2%