(ต่อ1) "He Will Rock You A Knight's Tale" อัศวินพันธุ์ร็อค 2 พฤศจิกายน 2544

ข่าวทั่วไป Friday October 12, 2001 09:23 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--โคลัมเบีย พิคเจอร์ส
เกี่ยวกับนักแสดง
ฮีธ เล็ดเจอร์ (Heath Ledger) ในบท วิลเลี่ยม
ฮีธ เล็ดเจอร์ ปล่อยผลงานหลังจากที่เคยไปรับบทเป็นลูกชายของเมล กิ๊บสันในภาพยนตร์ทำเงินของโคลัมเบีย พิคเจอร์ส เรื่อง "The Patriot" ด้วยการไปรับบทนำในภาพยนตร์ซัมเมอร์เรื่อง A Knight's Tale เมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งเสร็จสิ้นจากงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง "Four Feathers" ซึ่งเขาได้ประกบบทกับเคต ฮัดสัน และเวส เบนต์ลีย์ จากผลงานการกำกับของชีการ์ กาเปอร์
เล็ดเจอร์เกิดและเติบโตในเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ตอนอายุ 10 ปี เขาได้สมัครเข้าไปทำงานกับคณะละครท้องถิ่นแห่งหนึ่ง พออายุได้ 16 ปี เขาตัดสินใจเดินทางจากบ้านเกิดเพื่อมุ่งหน้าสู่นครใหญ่อย่างซิดนีย์ และมุ่งมั่นทำงานแสดงต่อไป ในไม่ช้า เขาก็ได้รับเลือกให้แสดงในภาพยนตร์ทีวีของออสเตรเลียเรื่อง "Clowning Around", "Bush Patrol", "Corrigan", "Ship To Shore" และ "Home And Away"
เล็ดเจอร์ยังมีผลงานกับคณะละครชื่อดังของออสเตรเลียสองคณะ นั่นก็คือ คณะ Globe Shakespeare Company และ Midnight Youth Acting Company ขณะที่สั่งสมประสบการณ์ทางด้านละครเวทีอยู่นั้น เขายังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์อินดี้หลายเรื่อง อาทิเช่น "Black Rock", "Paws" และ "Two Hands" ซึ่งคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และยังทำให้เล็ดเจอร์ได้รับรางวัล ดาราชายยอดเยี่ยมที่งานแจกรางวัลของสถาบันภาพยนตร์ออสเตรเลียประจำปี 1999 ด้วย
ในปี 1997 เล็ดเจอร์แสดงนำในภาพยนตร์โทรทัศน์ของยูนิเวอร์แซลและฟ็อกซ์เรื่อง "Roar" โดยเขาเล่นประกบบทกับเคอรี่ รัสเซลล์ ซึ่งถ่ายทำที่ควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย
จากการแสดงนำในภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่องดังกล่าว ทำให้เล็ดเจอร์เดินทางมาสหรัฐอเมริกา และแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง "10 Things I Hate About You" ซึ่งเป็นการนำบทประพันธ์เรื่อง Taming Of the Shrew มาสร้างใหม่ให้ทันสมัยขึ้น
มาร์ก แอ็ดดี้ (Mark Addy) ในบท โรแลนด์
มาร์ก แอ็ดดี้ได้รับคำชมทั้งจากคนดูและนักวิจารณ์จากการไปรับบทเป็น เดฟ ในภาพยนตร์เรื่อง "The Full Monty" ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จทางด้านรายได้อย่างคาดไม่ถึงเรื่องนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และได้รับรางวัล SAG ในสาขาบทบาทการแสดงยอดเยี่ยมด้วย
แอ็ดดี้เกิดที่เมืองยอร์ก ทางตอนเหนือของประเทศอังกฤษ ซึ่งปัจจุบัน เขายังคงอาศัยอยู่ที่นั่น เขาเริ่มต้นทำงานตอนอายุ 15 ที่คณะละคร York Theatre Royal เขาได้เข้าเรียนที่สถาบัน Royal Academy of Dramatic Art ในลอนดอน และทำงานกับผู้กำกับละครเวทีมาแล้วหลายคนตามคณะละครทั่วประเทศอังกฤษ อาทิเช่น คณะ Hull Truck Theatre Company และ Royal National Theatre
ผลงานการแสดงทางด้านโทรทัศน์ แอ็ดดี้ได้แสดงภาพยนตร์ซีรีส์ของอังกฤษไว้หลายเรื่อง เช่น "The Ritz", "A Very Peculiar Practice", "Between The Lines", Band Of Gold", "The Heart Surgeon", "Heart Beat", "Peak Practice", "Sunnyside Farm" ภาพยนตร์ตลกของบีบีซีเรื่อง "The Thin Blue Line" และภาพยนตร์ซิทคอมเรื่องใหม่ "Too Much Sun"
แอ็ดดี้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากการไปรับบทเดฟ อดีตคนงานโรงเหล็ก ในภาพยนตร์เรื่อง "The Full Monty" ในปี 1997 และในปี 1998 เขายังไปแสดงเป็น แม็ค แม็คอาร์เธอร์ ในภาพยนตร์เรื่อง "Jack Forst" โดยร่วมแสดงกับไมเคิล คีตัน นอกจากนี้ เขายังรับบทสำคัญในภาพยนตร์อินดี้เรื่อง "The Last Yellow" และ "The Announcement"
เมื่อไม่นานมานี้ แอ็ดดี้แสดงเป็นเฟร็ด ฟลิ้นต์สโตน ในภาพยนตร์เรื่อง "The Flinstones In Viva Rock Vegas" และได้ร่วมแสดงกับคริส ร็อค ในผลงานการกำกับของพี่น้องไวตซ์เรื่อง "Down to Earth" แอ็ดดี้เพิ่งจะเสร็จสิ้นจากงานแสดงภาพยนตร์ของไซม่อน เวลล์ส เรื่อง The Time Machine ที่เขาเล่นกับกาย เพียร์ซ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเขียนบทโดย จอห์น โลแกน โดยอิงจากนิยายคลาสสิกของ เอชจี เวลล์ส ที่พูดถึงนักประดิษฐ์ (เพียร์ซ) ที่สร้างเครื่องจักรกลที่ทำให้เขาเดินทางไปในอนาคตได้ถึงแปดแสนปี แอ็ดดี้ไปรับบทเป็นเพื่อนซี้ของนักประดิษฐ์ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน
รูฟัส ซีเวลล์ (Rufus Sewell) ในบท เค้าน์แอ็ดฮีมาร์
รูฟัส ซีเวลล์ เป็นนักแสดงชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี และภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale นี้ ถือเป็นผลงานเรื่องที่ 16 แล้วของเขา
ผลงานทางด้านภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของซีเวลล์ ได้แก่ "Carrington", "Hamlet", "Dark City" และ "Marta Meets Frank, Daniel & Laurence" ที่ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลของสมาคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์อังกฤษในปี 1998 ผลงานทางด้านภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเขา ได้แก่ "Bless The Child", "In A Savage Land", "At Satchem Farm", "Illuminata", "Dangerous Beauty", "The Woodlanders", "Victory", "Cold Comfort Farm", "A Man Of No Importance", "Dirty Weekend" และ "Twenty-One"
ซีเวลล์ที่ชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในด้านฝีมือการแสดง ได้รับการโหวตให้เป็นนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในปี 1993 จากสมาคมนักวิจารณ์ลอนดอน จากการรับบทแสดงในผลงานเรื่อง "Making It Better" ในปี 1994 เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโอลิเวียร์ จากเรื่อง "Acadia" และในปีต่อมา เขายังได้รับเกียรติได้รับรางวัลเธียเตอร์เวิร์ลอวอร์ดในสาขา Outstanding Broadway Debut จากผลงาน "Translations" ผลงานด้านละครเวทีเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ "Macbeth", "Rat In The Skull", "As You Like It", "The Seagull", "The Government Inspector", "Pride and Prejudice", "Peter And The Captain", "The Lost Domain", "Comedians" และ "Royal Hunt Of The Sun"
ซีเวลล์ยังแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์ของอังกฤษอยู่หลายเรื่อง อาทิเช่น "Arabian Nights", "Henry IV", "Citizen Loocke", "Dirty Something", "Middlemarch", "Gone To Seed" และ "The Last Romantics"
แชนนิน ซอสซามอน (Shannyn Sossamon) ในบท โจเซลีน
แชนนิน ซอสซามอนมีผลงานภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale เป็นผลงานเรื่องแรก ในเดือนตุลาคม ปี 1999 นักแสดงสาววัย 20 ปีผู้นี้ได้เดินทางไปพร้อมกับเพื่อน ซึ่งทำหน้าที่เป็นดีเจในงานปาร์ตี้วันเกิดของกวินเนธ และเจก พัลโทรว์ เมื่อตอนที่แคสติ้งไดเร็กเตอร์ของฮอลลีวู้ด ฟรานซีน เมสเลอร์ เกิดสังเกตเห็นเธอเข้า
วันที่ 17 เมษายน ปี 2000 หนังสือพิมพ์ Variety ได้ประกาศว่า "แชนนิน ซอสซามอนสามารถเอาชนะคู่แข่งที่เป็นดาราสาวรุ่นที่กำลังมาแรงมากมาย ด้วยการพิชิตบทดารานำหญิง เพื่อประกบบทกับฮีธ เล็ดเจอร์ ในภาพยนตร์ของโคลัมเบีย พิคเจอร์ จากฝีมือการกำกับของไบรอัน เฮลเจแลนด์เรื่อง A Knight's Tale"
ซอสซามอนเกิดในฮาวาย เติบโตในรีโน่, เนวาด้า และย้ายไปอยู่ลอสแอนเจลิสเพื่อเรียนเต้นรำ ซึ่งเป็นความฝันของเธอ ก่อนหน้าที่จะมาแสดงภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale ซอสซามอนเคยแสดงภาพยนตร์โฆษณาทางทีวีมาแล้วหลายชุด
ผลงานเรื่องต่อไป ซอสซามอนจะได้ประกบบทกับจอช ฮาร์เนตต์ ในภาพยนตร์เรื่อง 40 Days and 40 Nights
พอล เบ็ตตานีย์ (Paul Bettany) ในบท เชาเซอร์
พอล เบ็ตตานีย์มีผลงานภาพยนตร์เรื่องแรก คือเรื่อง "Bent" ก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale เขาเคยแสดงนำในภาพยนตร์เรื่อง "Morality Play" ประกบบทกับวิลเลม ดาโฟ, "Kiss Kiss, Bang Bang" กับสเตลแลน สการ์สการ์ด, "Dead Babies" กับโอลิเวีย วิลเลี่ยมส์ และ "Gangster No.1" กับมัลคอล์ม แม็คโดเวลล์ ปัจจุบัน เขาอยู่ระหว่างงานถ่ายทำภาพยนตร์ของรอน โฮเวิร์ด เรื่อง "A Beautiful Mind" ที่เขาร่วมแสดงกับรัสเซลล์ โครว์
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นของเบ็ตตานีย์ ได้แก่ เรื่อง "After Rain" และ "Land Girls"
ผลงานการแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์ของอังกฤษของเบ็ตตานีย์ ได้แก่ "Coming Home" โดยเขาร่วมแสดกับปีเตอร์ โอทูล, "Killer Net" และภาพยนตร์มินิซีรีส์เรื่อง "Every Woman Knows A Secret" เบ็ตตานีย์ยังรับบทเป็นสเทียร์ฟอร์ธในผลงานการสร้างของ TNT เรื่อง "David Copperfield" โดยร่วมแสดงกับแซลลี่ ฟิลด์ และไมเคิล ริชาร์ดส์
เบ็ตตานีย์ ซึ่งผ่านการฝึกอบรมที่ศูนย์การละครในลอนดอน เริ่มแสดงละครเวทีเรื่องแรกในละครของเวสต์เอนด์เรื่อง "An Inspector Calls" กับคณะละคร Royal Shakespeare Company ผลงานด้านละครเวทีเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ "One More Wasted Year" และ "Stranger's House" ในอังกฤษ
ชื่อเสียงของเบ็ตตานีย์เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วเมื่อเขาไปแสดงละครเวทีที่ได้รับคำชมอย่างท่วมท้นเรื่อง "Love And Understanding" ที่ Flatbush Theatre London ที่ต่อไปได้ไปเปิดการแสดงต่อที่ Longwharf Theatre ในคอนเนคติกัต
เบ็ตตานีย์เกิดและเติบโคในลอนดอน
อลัน ทูดิ๊ก (Alan Tudyk) ในบท วัต
อลัน ทูดิ๊ก เริ่มต้นทำงานกับภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale ขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง "28 Days" เปิดตัวฉายไปทั่วโลก ใน "28 Days" นั้น ทูดิ๊กรับบทเป็นหนึ่งในเพื่อนที่สถานบำบัดของแซนดร้า บูลล็อค โดยเขาเล่นเป็นผู้ชายชาวเยอรมันที่ติดโคเคนที่ชื่อ เจอร์ฮาร์ดต์
เมื่อไม่นานมานี้ ทูดิ๊กยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง "Wonder Boys" กับไมเคิล ดักลาส และยังร่วมแสดงกับโรบิน วิลเลี่ยมส์ในภาพยนตร์เรื่อง "Patch Adams" ด้วย เมื่อไม่นานมานี้ เขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นจากงานแสดงภาพยนตร์เรื่อง "Hearts in Atlantis" ที่กำกับโดยสก็อตต์ ฮิกส์
ผลงานทางด้านละครเวทีของทูดิ๊ก ได้แก่ ละครบรอดเวย์ผลงานของเจอร์รี่ แซ็กส์ เรื่อง "Epic Proportions" ที่เขาร่วมแสดงกับคริสติน ชีโนเวธ, "The Most Fabulous Story Ever Told", "Oedipus Rex", "Much Ado About Nothing", "A Midsummer Night's Dream" และ "Bunny Bunny" ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Clarence Derwent และรางวัล Drama League สาขาละครเปิดตัวในนิวยอร์กยอดเยี่ยมในปี 1997
ทูดิ๊กเกิดในเอลปาโซ่, เท็กซัส และเติบโตในดัลลัส
ลอร่า เฟรเซอร์ (Laura Fraser) ในบท เคต
ลอร่า เฟรเซอร์เคยร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่มาแล้วหลายเรื่อง อาทิเช่น "Titus Andronicus", "The Man In The Iron Mask" และ "Cousin Bette"
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเธอ ได้แก่ "Kevin & Perry", "What Ever Happened To Harold Smith", "The Match", "Vertual Sexulity", "Divorcing Jack", "Left Luggage" และ "Small Faces"
เฟรเซอร์ยังร่วมแสดงอยู่ในภาพยนตร์ทีวีของอังกฤษหลายเรื่อง เช่น "The Investigator" และ "Neverwhere"
เฟรเซอร์เกิดและเติบโตในสก็อตแลนด์ ปัจจุบัน เขาอาศัยอยู่ในลอนดอน
เบอเรนไนซ์ บีโจ (Berenice Bejo) ในบท คริสติน่า
เบอเรนไนซ์ บีโจเริ่มแสดงภาพยนตร์ภาษาอังกฤษเรื่องในเรื่อง A Knight's Tale นี่เอง โดยรับบทเป็นคู่คิดของโจเซลีน
หลังจากร่วมแสดงในภาพยนตร์ฝรั่งเศสเรื่อง "Les Soeurs Hamlet" และ "Passionement" แล้ว บีโจได้แสดงนำในภาพยนตร์ตลกที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเรื่อง "Meilleur Espoir Feminin"
นักแสดงสาวที่สามารถพูดได้ห้าภาษาผู้นี้ เป็นดาราประจำของภาพยนตร์ซีรีส์ทางทีวีของฝรั่งเศสเรื่อง "1+1=6" และยังแสดงนำในภาพยนตร์เรื่องราวสำหรับฉายทางทีวีเรื่อง "Histoires D'Hommes"
เช่นเดียวกับบทบาทที่เธอแสดงเอาไว้ในภาพยนตร์เรื่อง "Meilleur Espoir Feminin" ปัจจุบัน บีโจได้ย้ายมาอยู่ลอสแอนเจลิส เพื่อทำงานแสดงอย่างเต็มที่มากขึ้น
คริสโตเฟอร์ คาซีนอฟ (Christopher Cazenove) ในบท เจมส์ แธ็ตเชอร์
คริสโตเฟอร์ คาซีนอฟรับบทเป็นแธ็ตเชอร์ ผู้แสนต่ำต้อยแต่เป็นคนที่มีความภาคภูมิ คาซีนอฟซึ่งเคยผ่านการฝึกฝนทางด้านการแสดงจากโรงเรียนการละคร บริสทอล โอลด์ วิค เคยผ่านงานละครเวทีที่โด่งดังของอังกฤษมาแล้วมากมาย
ผลงานด้านภาพยนตร์ของเขาก็มีอยู่ด้วยกันหลายเรื่อง อาทิเช่น "The Proprietor", "Aces III", "Three Men And A Little Lady", "Hold My Hand, I'm Dying", "From A Far Country", "Eye Of The Needle", "Zulu Dawn", "The Girl In The Blue Velvet", "East Of Elephant Rock", "Royal Flesh" และ "There's A Girl In My Soup"
ผลงานทางด้านโทรทัศน์ของคาซีนอฟก็มีอยู่มากหลายทั้งในสหรัฐฯและอังกฤษ เช่น การไปรับบทเป็น เบน คาร์ริงตัน ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง "Dynasty" เขายังแสดงนำในภาพยนตร์ของ HBO เรื่อง "Cinema Verity" และ "Dead Man's Island", "Shades of Love", "Windmills Of The Gods", "Cain And Abel" และ "Lace II"
ผลงานทางด้านละครเวทีของคาซีนอฟก็มีตั้งแต่ละครเวทีเรื่อง "Hamlet", "Cyrano De Bergerac" และ "Othello" ไปจนถึง "Peter Pan" และ "The Sound Of Music"
@ เกี่ยวกับผู้สร้าง @
ไบรอัน เฮลเจแลนด์ (Brian Helgeland) - มือเขียนบท, ผู้อำนวยการสร้าง, ผู้กำกับ
ไบรอัน เฮลเจแลนด์เคยได้รับรางวัลออสการ์มาแล้วจากการเขียนบทให้กับภาพยนตร์เรื่อง "L.A. Confidential" และก่อนหน้านี้ เขาเคยกำกับเมล กิ๊บสันมาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง "Payback" ผลงานเรื่องก่อนๆ ของเขา ได้แก่ ภาพยนตร์ปี 1997 เรื่อง "Conspiracy Theory" ที่นำแสดงโดยเมล กิ๊บสัน และจูเลีย โรเบิร์ตส์
เฮลเจแลนด์เกิดในโปรวิเดนซ์, โรดไอสแลนด์ และเติบโตในนิวเบ็ดฟอร์ด, แมสซาซูเซตต์ส ที่ซึ่งเขามักจะออกไปทำงานกับเรือหาปลาเสมอๆ เขาสำเร็จการศึกษาจากลอโยล่า แมรี่เม้าต์ ยูนิเวอร์ซิตี้ ในลอสแอนเจลิส
ทิม แวน เรลลิม (Tim Van Rellim)- ผู้อำนวยการสร้าง
ทิม แวน เรลลิมเป็นนักสร้างภาพยนตร์ที่มีประสบการณ์มากมายและหลากหลาย และภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale นี้ถือเป็นผลงานเรื่องที่สามแล้วที่แวน เรลลิมได้มีโอกาสเข้าไปถ่ายทำที่สาธารณรัฐเชช
แวน เรลลิมเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในปี 1963 โดยทำงานอยู่ในวงการข่าว และสารคดีทางทีวี เขาเข้าเรียนที่โรงเรียนภาพยนตร์ในลอดซ์, โปแลนด์ โดยได้รับทุนการศึกษาจากกระทรวงวัฒนธรรม ในปี 1968 เขาได้เดินทางกลับไปยังอังกฤษ และได้ทำงานตัดต่อให้กับละครและสารคดีของ BBC
แวน เรลลิมเริ่มทำงานกับบริษัทภาพยนตร์ของเดอะ บีทเทิลส์, แอ๊ปเปิลฟิล์ม โดยทำหน้าที่อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "Born To Boogie" ร่วมกับริงโก้ สตาร์ และเรื่อง "Countdown" ร่วมกับแฮร์รี่ นิลส์สัน เขายังทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับการโปรโมทผลงานให้กับวงเดอะบีทเทิลส์, เดอะโรลลิ่งสโตนส์, ทีเร็กซ์แอนด์สเลด หลังจากสร้างภาพยนตร์เรื่อง "The Kids Are Allright" ที่นำแสดงโดย The Who แล้ว แวน เรลลิมยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมในงานสร้างภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิเช่น "Catch Me a Spy" กับเคิร์ก ดักลาส, "Haunted", "Les Soeurs Bronte" กับอิซาเบล แอ็ดจานี่ "Bad Timing" ที่นำแสดงโดยเธเรซ่า รัสเซลล์, อาร์ต การ์ฟังเกล และฮาร์เวล คีเทล และเรื่อง "Eureka" ที่นำแสดงโดยจีน แฮ็กแมน, มิคกี้ รู๊ก, เธเรซ่า รัสเซลล์ และรัตเกอร์ ฮาวเออร์
แวน เรลลิมทำหน้าที่อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Transformation", "Horrid Intermissions", "Cruisin" และ "A Pattern Of Roses" ซึ่งเป็นผลงานการรับบทนำครั้งแรกของเฮเลน่า บอนแนม คาร์เตอร์, "The Last Place On Earth", ภาพยนตร์ตลกเรื่อง "Eat the Rich" และ "The Deceivers" ที่นำแสดงโดยเพียร์ซ บรอสแนน ต่อมา เขายังอำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Honour Bound", "Viking Sagas" และ "K-2"
แวน เรลลิมเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมของภาพยนตร์เรื่อง "Snow White - A Tale Of Horror" ที่นำแสดงโดยซีกอร์นีย์ วีเวอร์ และแซม นีลล์ ซึ่งไปถ่ายทำกันที่สาธารณรัฐเชช และทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหารให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Ravenous" ที่ไปถ่ายทำกันที่เชช, สโลวัก และเม็กซิโก
ก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale แวน เรลลิมได้ทำหน้าที่ผู้อำนวยการสร้างบริหารให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Invisible Circus" ที่นำแสดงโดยคาเมรอน ดิอาซ
ท็อดด์ แบล็ก (Todd Black) - ผู้อำนวยการสร้าง
ท็อดด์ แบล็กคือหุ้นส่วนของบริษัท เอสเคป อาร์ติสต์ส โปรดักชั่นส์ หนึ่งในสองบริษัทที่ร่วมกันสร้างภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale
แบล็กเกิดในดัลลัส และเติบโตในโอกลาโฮม่า ซิตี้ และลอสแอนเจลิส เขาเข้าเรียนวิชาการละครที่มหาวิทยาลัยเซาเธิร์น แคลิฟอร์เนีย และเริ่มต้นทำงานในแวดวงบันเทิงด้วยการทำหน้าที่แคสติ้งให้กับภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง "Fame", "The Fall Guy" และ "ChiPs"
ตอนอายุได้ 20 ต้นๆ แบล็กเคยทำงานร่วมกับผู้อำนวยการสร้าง โจ ไวซาน ในบริษัทไวซาน/แบล็ก ฟิล์มส์ พวกเขาได้ร่วมกันอำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่องฮิตของไทร์สตาร์ "Iron Eagle" ในปี 1986 และเรื่อง "Tough Guys" ที่นำแสดงโดยเบิร์ต แลงคาสเตอร์ และเคิร์ก ดักลาส ในปีเดียวกันให้กับบริษัทบัวนา วิสต้า/ทัชสโตน และในปี 1988 พวกเขาได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "Iron Eagle II" ออกมาด้วย
ในปี 1991 แบล็กได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "Fire In The Sky" ซึ่งสร้างมาจากเรื่องจริง เขายังทำหน้าที่อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Wrestling Earnest Hemingway ที่นำแสดงโดยโรเบิร์ต ดูวัลล์, ริชาร์ด แฮร์ริส และเชอร์รี่ แม็คเลนในปี 1993 และในปี 1996 เขาได้สร้างภาพยนตร์เรื่อง "Dunston Checks In" ที่นำแสดงโดยเจสัน อเล็กซานเดอร์, เฟย์ ดันนาเวย์ และรูเพิร์ต เอฟเวอเรตต์ และในปี 1996 เช่นกัน เขาได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง "A Family Thing" ที่นำแสดงโดยเจมส์ เอิร์ล โจนส์ และโรเบิร์ต ดูวัลล์
แบล็กยังเคยได้รับตำแหน่งเป็นประธานฝ่ายภาพยนตร์อยู่ที่แมนดาเลย์ เอนเตอร์เทนเม้นต์ ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งของโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเม้นต์ ในปี 1995 ระหว่างนั้น เขาได้สร้างผลงานออกมามากมาย อาทิเช่น "The Fan" ที่นำแสดงโดยโรเบิร์ต เดอ นีโร และเวสลีย์ สไนปส์, "Donnie Brasco" ที่นำแสดงโดยอัล ปาชิโน่ และจอห์นนี่ เด็ปป์, "seven Years In Tibet" ที่นำแสดงโดยแบร็ด พิตต์, "I Know What You Did Last Summer" ภาพยนตร์ทำรายได้อันดับหนึ่ง, "Les Miserable" ที่นำแสดงโดยเลียม นีสัน และอูม่า เธอร์แมน และ "Wild Things" ที่นำแสดงโดยเนฟ แคมป์เบลล์, เควิน เบคอน และแม็ตต์ ดิลล่อน
ในปี 1998 แบล็กและเจสัน บลูเมนธัล, ซีเนียร์ ซึ่งเคยร่วมงานกันที่แมนดาเลย์ ได้ก่อตั้งบริษัทแบล็กแอนด์บลู เอนเตอร์เทนเม้นต์ และได้เซ็นสัญญากับทางโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเม้นต์ พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์ตลกโรแมนติกให้กับโคลัมเบีย เรื่อง "Cactus Flower", ภาพยนตร์ในแนวทริลเลอร์เขย่าประสาทเรื่อง "Need" และภาพยนตร์เรื่อง "The Big Chill" ในเวอร์ชั่นสำหรับผู้ใหญ่ พวกเขายังอยู่ระหว่างการเตรียมงานให้กับภาพยนตร์ของทเวนตี้ เซ็นจูรี่ ฟ็อกซ์ เรื่อง "The Antwone Fischer Story ที่จะเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของเดนเซล วอชิงตัน นอกจากนี้ แบล็กกับภรรยาของเขา รูธ แกรห์ม ยังจะอำนวยการสร้างผลงานการแสดงของจูเลีย โรเบิร์ตส์ เรื่อง "Tracks" (หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า "From Alice To Ocean) ซึ่งแกรห์มเป็นคนลงมือเขียนบทเอง
แบล็กแอนบลู ยังอยู่ระหว่างการรวมบริษัทกับสตีฟ ทิสช์คัมปานี ซึ่งเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ฮิตเรื่อง "Forrest Gump" และ "Risky Business" โดยบริษัทแห่งใหม่ที่ใช้ชื่อว่า เอสเคป อาร์ติสต์ จะออกทุนสร้างภาพยนตร์อีกหกเรื่องในห้าปีข้างหน้า และได้เซ็นสัญญานานห้าปีกับทางโซนี่ พิคเจอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ริชาร์ด เกรตเทร็กซ์, บีเอสซี (Richard Greatrex, BSC) - ผู้กำกับภาพ
ริชาร์ด เกรตเทร็กซ์ เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์มาแล้วจากการถ่ายภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Shakespeare In Love" ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลบัฟต้า, เอเอสซี และรางวัลจานดาวเทียมทองคำ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากบีเอสซีด้วย
ก่อนหน้านี้ เกรตเทร็กซ์ยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัฟต้ามาแล้วอีกหลายครั้งจากภาพยนตร์ของ BBC เรื่อง "Truth Or Dare", "Warrior" และ "The Woman In White" ที่ทำให้เขาได้รับรางวัล Royal Television Society Award สาขากำกับภาพยอดเยี่ยม
เมื่อไม่นานมานี้ เกรตเทร็กซ์ได้ทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง "The Last Of The Blonde Bombshells" ให้กับ HBO และ BBC ผลงานเรื่องอื่นๆ ของเขาได้แก่ "Where The Heart Is", "Tess Of The D'Urberville", "Mrs. Brown", "True Tilda", "Blue Juice", "Stone Cold", "Dalziel And Pascoe", "Meat", "The Plant", "Deadly Advice" และ "A Foreign Field" ผลงานในยุคแรกๆ ของเกรตเทร็กซ์ ได้แก่ "Gone To The Dogs", "Centerpoint", "War Requiem", "For Queen And Country" และ "Brond"
โทนี่ เบอร์โรห์ (Tony Burrough) - โปรดักชั่น ดีไซเนอร์
โทนี่ เบอร์โรห์เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในปี 1997 ในสาขากำกับศิลป์ยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง "Richard III" ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เขาได้รับรางวัลบัฟต้าออกแบบฉากยอดเยี่ยม และได้รับรางวัล Evening Standard Award สาขาความสำเร็จทางด้านเทคนิคยอดเยี่ยม
นับแต่ปี 1998 เป็นต้นมา เมื่อดีไซเนอร์ชาวอังกฤษผู้นี้ได้ทำงานในภาพยนตร์เรื่อง "Great Expectations" เขาได้มีส่วนช่วยสร้างภาพยนตร์เรื่อง "Ordinary Decent Criminal", "Arabian Nights" และ "The Luzhin Defence"
ผลงานภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ของเบอร์โรห์ ได้แก่ "Wide Eyed And Legless", "Great Moments In Aviation" และ "The Railway Station Man"
ผลงานทางด้านโทรทัศน์ เบอร์โรห์เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัฟต้าจากเรื่อง "Talking Heads" ผลงานเรื่องอื่นๆ ได้แก่ "Buccaneers", "Summer Day's Dream", "Genghis Cohn", "The Hummingbird Tree", "Sister Wife", "Grass Arena", "Needle", Seeing In The Dark", "Once In A Lifetime", "Words Of Love", "Amongst Barbarians", "Claws", "Drums Along Balmoral Drive", "When We Are Married", "Season's Greetings", "The Browning Version", "The Contractor", "Devil's Disciple" และ "Titus Andronicus"
แคโรลีน แฮร์ริส (Caroline Harris) - ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายและชุดเกราะ
แคโรลีน แฮร์ริสเคยสร้างเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายในหลากหลายยุคสมัยมาแล้ว ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษผู้นี้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัฟต้า และรางวัลจานดาวเทียมทองคำในปี 2000 จากผลงานภาพยนตร์เรื่อง "An Ideal Husband" ที่นำแสดงโดยรูเพิร์ต เอฟเวอเรตต์, มินนี่ ไดรฟ์เวอร์ และเคต แบล็นเชตต์ โดยภาพยนตร์เรื่องดังกล่าววางเหตุการณ์เอาไว้ในปี 1895 ผลงานเรื่องอื่นๆ ของแฮร์ริส ได้แก่ "Very Anny Mary" ที่นำแสดงโดยโจนาธาน ไพรส์ และ "The Body" ที่นำแสดงโดยแอนโตนิโอ แบนเดอรัส, "Still Crazy" ที่เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อหากินระยะเวลาตั้งแต่ปี 1970 ถึงปัจจุบัน, "The Governess" ที่วางเหตุการณ์ในปี 1830, "The Croupier", "Swept From The Sea" ซึ่งเกิดเหตุการณ์ในปี 1880, "Othello" ที่นำแสดงโดยลอเรนซ์ ฟิชเบิร์น และเหตุการณ์ในท้องเรื่องเกิดขึ้นในปี 1560, "In The Bleak Mid Winter" ที่วางเหตุการณ์เอาไว้ในปัจจุบัน และ "Before The Rain" ที่คว้ารางวัลสิงโตทองคำ และรางวัล International Critics Price ที่งานเทศกาลภาพยนตร์เวนิสในปี 1994
แฮร์ริสยังออกแบบเครื่องแต่งกายให้กับภาพยนตร์เรื่อง Deacon Brodie ของ BBC ซึ่งเป็นภาพยนตร์ดราม่าเกี่ยวกับศตวรรษที่ 18
เควิน สติทท์ (Kevin Stitt) - มือตัดต่อ
ก่อนหน้าภาพยนตร์เรื่อง A Knight's Tale เควิน สติทท์เคยร่วมงานกับผู้กำกับไบรอัน เฮลเจแลนด์มาแล้วในภาพยนตร์ปี 1999 เรื่อง Payback
สติทท์เคยทำหน้าที่ลำดับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Robinson Crusoe" และร่วมลำดับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Another Stakeout", "Drop Zone", "Nick of Time", "Executive Decision", "Breakdown", "Conspiracy Theory", "Lethal Weapon 4", "Deep Blue Sea" และ "X-Men"
สติทท์เคยเข้าเรียนทางด้านภาพยนตร์ที่คัลสเตท นอร์ธริดจ์ และเริ่มเข้าวงการในปี 1982 ในตำแหน่งมือตัดต่อฝึกหัดให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Twilight Zone- The Movie"
คาร์เตอร์ เบอร์เวลล์ (Carter Burwell) - ผู้ประพันธ์ดนตรี
คาร์เตอร์ เบอร์เวลล์เป็นผู้ประพันธ์เพลงที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการมานาน โดยเขาเริ่มแต่งดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์เรื่องแรก เป็นภาพยนตร์ในปี 1984 เรื่อง "Blood Simple" นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาได้กลายเป็นนักแต่งดนตรีประกอบให้กับภาพยนตร์มากมายหลายเรื่อง อาทิเช่น "Psycho III", "Raising Arizona", "Pass The Ammo", "The Beat", "Checking Out", "Scorchers", "Miller's Crossing" และ "Barton Fink"
ผลงานของเบอร์เวลล์ยังมีออกมาอย่างต่อเนื่องในยุค 90 ด้วยภาพยนตร์อย่างเรื่อง "Doc Hollywood", "Storyville", "Waterland", "Buffy The Vampire Slayer", "This Boy's Life", "Kalifornia", "A Dangerous Woman", "Wayne's World 2", "The Hudsucker Proxy", "Airheads", It Could Happen To You", "Bad Company", "A Goofy Movie", "Two Bits", "Rob Roy", "Fear", "Joe's Apartment', "The Chamber", "Fargo", "Picture Perfect", "Assasins", "The Locusts", "The Spanish Prisoners", "The Jackal", "Conspiracy Theory", The Big Lebowski", "Gods and Monsters", "The Velvet Goldmine" และ "The Hi-Lo Country"
ในช่วงท้ายๆ ศตวรรษที่ 20 เบอร์เวลล์ยังได้ประพันธ์ดนตรีให้กับภาพยนตร์เรื่อง "Mystery, Alaska", "The Corruptor", "The General's Daughter", "Being John Malkovich" และ "Three King" และยังเปิดศตวรรษใหม่ด้วยผลงา นการประพันธ์ดนตรีให้กับภาพยนตร์เรื่อง "What Planet Are You From?", "O Brother, Where Art Thou?" และ "Book of Shadows: Blair Witch 2"--จบ--
-อน-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ